เด้งฟ้าผ่าดีเอสไอ หลัง พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำกำลังเข้าตรวจค้นบริษัทสยามแม๊คโคร เมื่อช่วงค่ำวาน (27 พ.ย.) ในช่วงสายวันนี้ ( 28 พ.ย.) หน้าเพจเฟซบุ๊dกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็ขึ้นภาพ พ.ต.อ.สุริยา พร้อมข้อความ “วิถีข้าราชการ”
“ทำใจอยู่ตลอดเวลา นับแต่มานั่งเป็นผู้บริหารสูงสุดที่นี่แล้วครับ ว่าต้องถึงวันนี้ แต่ผมเลือกทางเดิน และวิถีผมเองตั้งแต่ต้น ไม่เสียใจครับ เพราะทำเต็มที่แล้ว” ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยประโยค เป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับทุกท่าน
อ่าน : เด้ง “สุริยา” พ้นอธิบดี DSI – โยก “หมอวีระกิตติ์” คุมนิติวิทย์ฯ
แต่งตั้งโยกย้าย แม้จะเป็นวิถีข้าราชการ แต่ปฏิเสธไม่ได้ ดีเอสไอทุกยุคตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมืองตลอดเวลา ไม่เฉพาะ “พ.ต.ต.สุริยา” เท่านั้น ช่วงสถานการณ์ขัดแย้งสีเสื้อขับเคี่ยวทางการเมืองรุนแรง ดีเอสไอภายใต้กำกับของ “ธาริต เพ็งดิษฐ์” ซึ่งรับใช้สองขั้วการเมืองพรรคใหญ่ที่ขึ้นมาสลับผลัดเปลี่ยนเป็นรัฐบาล ส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการสะดุดลง และไม่สามารถเป็นที่พึ่งของใครได้เลย
อธิบดีหน้าใหม่ต่างผลัดใบหมุนเวียนกันขึ้นมาจาก “ธาริต” เป็น “พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง” อธิบดีดีเอสไอน้ำดีที่ฝ่ากระแสน้ำเน่าไม่ไหว ต้องลาออกจากราชการเพราะเจอสารพัดปัญหาและโรครุมเร้า มาถึงยุค “นพ.ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์” และ “พ.ต.ต.สุริยา” ล้วนถูกฝ่ายการเมืองคัดสรรมาทั้งสิ้น
ไม่เว้นแม้กระทั่งตำแหน่ง “ว่าที่อธิบดีดีเอสไอ” คนใหม่ที่กำลังจะเปิดสอบจากข้าราชการคนในระดับ 9 ขึ้นมา ต่างหนีไม่พ้นวังวนของคนของฝ่ายการเมือง
เพียงแต่ใครจะหาญกล้าแอ่นอกรับใช้ฝ่ายการเมือง ได้สุดตัวเทียบเท่า “ธาริต” ซึ่งยอมติดคุกตารางหลายรอบ เพราะทุกขึ้นก้าวขึ้นหลังเสือไปแล้ว หากหาทางลงไม่ได้ ก็คงยากที่จะจบสวยตาม “วิถีข้าราชการ” ที่ควรจะเป็น
มาแบบไม่มีปี ไม่มีขลุ่ย แม้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะส่งทีมงานและข้าราชการเข้าไปร่วมประชุมกับทีมพนักงานสอบสวนในคดีลักลอบนำเข้าหมู่เถื่อนหลายครั้ง หลังมีข่าวโยก พ.ต.ต.สุริยา พ้นตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ โดย ร.อ.ธรรมนัส ก็ตอบคำถามนักข่าวทันทีว่า ไม่ใช่เป็นการเด้ง แต่เป็นการบริหารราชการของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มีการแต่งตั้งโยกย้าย และยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาเนื้อหมูเถื่อน
“…ที่ผ่านมาอธิบดีฯ ได้ปฏิบัติหน้าที่มาดีอยู่แล้ว ไม่มีปัญหากัน และการโยกย้าย ไม่ใช่จะเตรียมการได้เพียงวันเดียว เพราะจะต้องมีการเตรียมการก่อน…” รมว.กระทรวงเกษตรฯ กล่าว
อ่าน : “ธรรมนัส” ปัดเด้ง “อธิบดี DSI” ชี้แต่งตั้งโยกย้ายปกติ ยันไม่เกี่ยวปราบหมูเถื่อน
และแล้ว นายกฯนิด “เศรษฐา ทวีสิน” ก็จรดปากกาเซ็น แต่งตั้ง “ฉัตรชัย บางชวด” รองเลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นหัวหน้าทีมพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ นับจากการหารือกับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อต้นเดือน ต.ค. และยังไม่ถึง 2 เดือนเต็ม
อ่าน : นายกฯ ไม่ตอบเด้ง “สุริยา” พ้นอธิบดี DSI บอก รมว.ยธ.เสนอมา
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (27 พ.ย.) คำสั่งก็ออกมา และ รองฉัตรชัย ถือเป็นพลเรือนคนแรกที่เข้านั่งในตำแหน่งนี้ หลังก่อนหน้ารัฐบาลได้เฟ้นหามาหลายตัวเลือก โดยฝ่ายทหารได้เคยเสนอชื่อแคนดิเดต ซึ่งเป็นอดีตนายทหารหลายนาย โดยเฉพาะชื่อ “พล.ร.อ.สมเกียรติ ผลประยูร” อดีตเลขา ศอ.บต.ติดโผเข้ามาด้วยแต่ก็หลุดไป
สุดท้ายหวยไปออกที่ “รองฉัตรชัย” ซึ่งถือเป็นทีมคีย์แมนสำคัญคนหนึ่งของหัวหน้าทีมพูดคุยฯ ชุดเก่า ตั้งแต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง แม้ขณะนี้ สมช.จะยังไม่การแต่งตั้ง เลขา สมช.ก็ตาม
ไม่ได้ปรับขึ้นเงินเดือน 25,000 บาทตามที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ แต่อีก 2 ปีข้างหน้า หรือในปี 2568 หลัง ครม.รัฐบาลเพื่อไทย มีมติให้ปรับเงินเดือนราชการ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยข้าราชการชั้นผู้น้อยจะเริ่มสตาร์ทที่ 18,000 บาท คาดว่าจะเริ่มต้นการขึ้นเงินเดือนงวดแรกได้ภายหลังจากงบประมาณปี 2567 และมีผลบังคับใช้ในช่วงกลางปีหน้า
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) บอกว่า การปรับขึ้นเงินเดือนรอบนี้จะปรับเพิ่มขึ้นเฉพาะกลุ่มข้าราชการบรรจุใหม่ก่อน โดยปรับอัตราเงินเดือนเพิ่มขึ้น ปีละ 10% เพื่อให้ปีที่ 2 ของการทำงาน คือปี 2568 ข้าราชการบรรจุใหม่จะมีเงินเดือนแตะ 18,000 บาท แต่ระหว่างการรอปรับฐานขึ้นเงินเดือนขึ้น ในช่วงนี้จะมีเงินช่วยค่าครองชีพด้วย ซึ่งกรมบัญชีกลางจะกลับไปพิจารณารายละเอียดมาเสนอ ครม.อีกครั้งว่าจะอยู่ที่จำนวนเท่าใด
ส่วนกลุ่มข้าราชการที่บรรจุเข้ามาก่อน 1-2 ปี ก็จะปรับฐานเงินเดือนขึ้นมาใหม่ ให้มากขึ้นกว่าข้าราชการบรรจุใหม่ที่ได้เงินเดือน 18,000 บาท เล็กน้อย เพื่อไม่ให้มีช่องว่างระหว่างเงินเดือนของข้าราชการเดิมที่เพิ่งเข้ามาก่อนหน้าไม่นานและข้าราชการบรรจุใหม่
ในขณะที่ข้าราชการระดับซี 8 ผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้อำนวยการในระดับซี 9 จะไม่ได้รับการปรับขึ้นเงินเดือน เพราะมีฐานเงินเดือนที่สูงอยู่แล้ว เบื้องต้นคาดว่า ต้องใช้งบประมาณหลัก 5,000 – 6,000 ล้านบาท ในปี 2567 จากงบกลาง ส่วนปีงบประมาณ 2568 คาดว่าจะใช้งบประมาณในหลักหมื่นล้านบาท
คึกคักอีกครั้งที่ค่ายสีฟ้า เมื่อ มาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศชัดพร้อมลงชิงหัวหน้าพรรค ปชป.คนใหม่ วันที่ 9 ธ.ค.นี้ด้วย โดยบอกว่ามีความมุ่งมั่นเข้ามาทำงานฟื้นฟูพรรคเพื่อให้กลับมาเป็นที่ศรัทธาของประชาชนอีกเพราะพรรคฯ ถือเป็นสถาบันทางการเมืองที่ไม่มีเจ้าของอย่างแท้จริง
ไม่รอช้า เมื่อวานนี้ (27 พ.ย.) “มาดามเดียร์” ได้ไปกราบสักการะ “หลวงพ่อนาค” วัดประยูรวงศาวาศวรวิหาร เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยก่อนจะลงชิงหัวหน้าพรรค ขณะที่ “นราพัฒน์ แก้วทอง” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เตรียมความพร้อมเป็นคู่ท้าชิงและมีกองเชียร์กองหนุนให้กำลังใจเต็มพิกัด
ไม่ต่างจาก 2 แคนดิเดตว่าที่ “เลขาธิการพรรค” เดชอิศร์ ขาวทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรค และ “ชัยชนะ เดชเดโช” สส.นครศรีธรรมราช นอกจากจะมีชื่อลงแข่งตำแหน่งนี้แล้ว ที่สำคัญทั้งสองคนต่างมีความสนิทสนมกับ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ปชป.ด้วยกันทั้งคู่
น่าจับตาว่า การเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ของค่ายสีฟ้าใครจะเข้าเส้นชัย ระหว่างมาดามเดียร์และนราพัฒน์ พรุ่งนี้ 10.00 โมงเช้ามาดามเดียร์จะแถลงท้าชน
อ่านข่าวเพิ่ม :