โฆษกรัฐบาล เผยผลจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทย 2566 ได้อันดับที่ 35 ดีขึ้น 5 อันดับ จากทั้งหมด 64 ประเทศและเขตเศรษฐกิจ – ชี้ปัจจัยหลักดีขึ้นทุกด้าน พร้อมตั้งเป้าให้ติด 1 ใน 30 อันดับ ภายในปี 2569
ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทยประจำปี 2566 (World Digital Competitiveness Ranking 2023) โดยในปีนี้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 35 จากทั้งหมด 64 ประเทศและเขตเศรษฐกิจ นับว่ามีพัฒนาการเชิงบวก มีอันดับดีขึ้นจากปีก่อนหน้า 5 อันดับ ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าพัฒนาความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทย ให้อยู่ใน 30 อันดับแรก ภายในปี 2569
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดอันดับในครั้งนี้ จัดทำโดย International Institute for Management Development (IMD) เพื่อประเมินความสามารถและความพร้อมของ 64 ประเทศและเขตเศรษฐกิจ เพื่อปรับใช้และสำรวจเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการปฏิรูปภาครัฐ ภาคธุรกิจ และสังคม
โดยปัจจัยหลักที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ มี 3 ด้าน ซึ่งผลการจัดอันดับของไทยเป็นไปดังนี้
1. ด้านเทคโนโลยี (Technology) โดยไทยอยู่ที่อันดับ 15 (ดีขึ้น 5 อันดับ)
2. ด้านความรู้ (Knowledge) อันดับที่ 41 (ดีขึ้น 4 อันดับ)
3. ด้านความพร้อมสำหรับอนาคต (Future Readiness) อันดับที่ 42 (ดีขึ้น 7 อันดับ) ซึ่งไทยมีอันดับที่ดีขึ้น ทั้ง 3 ปัจจัยหลัก
ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทย ให้อยู่ใน 30 อันดับแรก ภายในปี 2569 และเดินหน้าก้าวสู่อันดับ 1 ในอาเซียนให้ได้ในอนาคต
“เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มุ่งมั่นส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยี และดิจิทัลมาโดยตลอด สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ต้องการผลักดันไทยให้เป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับทั้งภาครัฐและเอกชนรายใหญ่ของโลกเพื่อขยายความร่วมมือด้านนี้ ตลอดจนได้ให้แนวทางการทำงานให้เกิดการพัฒนาศักยภาพในด้านดิจิทัลให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงให้กระจายความสามารถด้านดิจิทัล เพื่อลดช่องวางทางความรู้ความสามารถด้านนี้ด้วย” ชัย กล่าว