พล.ท.เฮอร์ซี ฮาเลวี เสนาธิการทหารบกอิสราเอลระบุว่า กองกำลังอิสราเอลกำลังล้อมเมืองข่านยูนิสเอาไว้ ในขณะที่การรุกภาคพื้นดินของอิสราเอลได้แผ่ขยายลงไปทางตอนใต้ของฉนวนกาซา
“60 วันหลังจากสงครามเริ่มต้น กองกำลังของเรากำลังปิดล้อมพื้นที่ข่านยูนิสทางตอนใต้ของฉนวนกาซา” ฮาเลวีระบุ “เราได้ยึดฐานที่มั่นของกลุ่มฮามาสหลายแห่งในฉนวนกาซาตอนเหนือ และตอนนี้เรากำลังปฏิบัติการต่อต้านฐานที่มั่นของกลุ่มฮามาสทางตอนใต้” ฮาเลวีกล่าว ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ The Times of Israel ในขณะที่เขาประกาศระยะต่อไปของการรุกภาคพื้นดินอิสราเอลในฉนวนกาซา
“ใครก็ตามที่คิดว่ากองทัพปกป้องอิสราเอล จะไม่รู้ว่าจะกลับมาต่อสู้อีกครั้งได้อย่างไร หลังจากมีการสงบศึก นับเป็นความผิดพลาด” ฮาเลวีกล่าว หลังจากข้อตกลงพักรบระหว่างอิสราเอลกับฮามาสสิ้นสุดลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 ธ.ค.) ส่งผลให้การแลกเปลี่ยนตัวประกันอิสราเอลที่ถูกกลุ่มฮามาสจับไป กับนักโทษปาเลสไตน์ที่ถูกคุมขังในเรือนจำอิสราเอลต้องหยุดชะงักลง
โอซามา ฮัมดาน จากกลุ่มฮามาสกล่าวว่า ฮามาสจะ “ไม่มีการเจรจาหรือการแลกเปลี่ยน (นักโทษ)” ก่อนที่การโจมตีของอิสราเอลจะสิ้นสุดลง ฮัมดานยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอนว่า เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล “มีส่วนรับผิดชอบ” ต่อชีวิตของตัวประกันชาวอิสราเอลในฉนวนกาซา พร้อมกันกับกล่าวย้ำว่าวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเนทันยาฮู เป็นไปเพื่อการ “กำจัดชาวปาเลสไตน์”
กองพลน้อยกัสซัม ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มฮามาส ระบุว่า ทางกองพลเข้ามามีการปะทะกันในการต่อสู้กับกองทัพอิสราเอลในทุกพื้นที่ของฉนวนกาซา นับตั้งแต่ช่วงเช้าของวันอังคาร (5 ธ.ค.) โดยแถลงการณ์ของกองพลน้อยกัสซัมอ้างว่า พวกเขาได้ทำลายยานพาหนะของกองทัพอิสราเอลโดยสิ้นเชิงหรือบางส่วนจำนวน 24 คันในเมืองข่านยูนิส เมืองใหญ่อันดับสองของฉนวนกาซา นอกจากนี้ กองพลของพวกเขายังได้ใช้พลซุ่มยิงสังหารและทำให้ทหารอิสราเอลบาดเจ็บจำนวน 8 นาย
ชาวปาเลสไตน์มากกว่า 1 ล้านคนต้องพลัดถิ่นจากฉนวนกาซาตอนเหนือ นับตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. เมื่อกองทัพอิสราเอลสั่งให้ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ฉนวนกาซาตอนเหนือต้องอพยพไปทางทิศใต้ ซึ่งเป็นการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเพียงแค่ 24 ชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากการหยุดยิง 1 สัปดาห์สิ้นสุดลง กองทัพอิสราเอลได้สั่งให้มีการอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากฉนวนกาซาตอนใต้ต่อเนื่อง
โทมัส ไวท์ ผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และกิจการแห่งสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ (UNRWA) ในฉนวนกาซา กล่าวว่าหน่วยงาน “ไม่สามารถจัดหาที่รองรับผู้พลัดถิ่นภายในประเทศได้มากขึ้น โดยปกติช่องผ่านทางราฟาห์มีประชากร 280,000 คน และรองรับผู้พลัดถิ่นภายในประเทศแล้วประมาณ 470,000 คน ซึ่งจะไม่สามารถรับมือกับจำนวนประชากรผู้พลัดถิ่นที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า”
อัดนัน อาบู ฮาสนา ตัวแทน UNRWA กล่าวว่าหน่วยงานคาดว่าจะมีประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนเดินทางมาถึงเมืองทางใต้สุดของฉนวนกาซาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า “เรามีครอบครัวหลายหมื่นครอบครัวตามท้องถนน พวกเขา (ซ่อนตัว) ไปทั่วสถานที่” อัดนันกล่าวพร้อมระบุเสริมว่า รถบรรทุกช่วยเหลือประมาณ 50 ถึง 70 คันที่เข้าฉนวนกาซาทุกวันผ่านชายแดนราฟาห์นั้น ไม่สามารถตอบสนองความต้องการความช่วยเหลือของผู้พลัดถิ่นได้เพียงพอ
ในการประชุมสุดยอดคณะมนตรีความร่วมมือแห่งรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) ครั้งที่ 44 ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ณ กรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ กาตาร์ซึ่งเป็นประธานการประชุมกล่าวว่า การเสียชีวิตของชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์ในฉนวนกาซาถือเป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่กระทำโดยอิสราเอล” ชีค ทามิม บิน ฮาหมัด อัล ทานี กล่าวในการแถลงเปิดการประชุม “เป็นเรื่องน่าอับอายต่อประชาคมระหว่างประเทศที่ปล่อยให้อาชญากรรมชั่วร้ายนี้ดำเนินต่อไป… ด้วยการสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีอาวุธอย่างเป็นระบบและมีการกำหนดเป้าหมาย”
ที่มา: