‘สามารถ’ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอง “กระเช้าภูกระดึง” ควรมีให้คนเข้าถึงเสรีภาพในการเดินทาง ไม่ควรถูกจำกัดด้วยสภาพร่างกายตามรัฐธรรมนูญ แนะควรให้เอกชนลงทุนดีที่สุด
วันที่ 7 ธ.ค. สามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบงบประมาณจำนวน 28 ล้านบาท เพื่อทำการศึกษาผลกระทบโครงการ “กระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง”
โดย สามารถ มองว่า ไม่น่าเกิดประโยชน์อะไร เหมือนเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการที่จะสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง ควรจะต้องทำอย่างยิ่ง และควรให้เอกชนลงทุนเองทั้งสิ้น จะไม่สิ้นเปลืองงบประมาณภาษีคนไทยแม้แต่บาทเดียว เพราะเอกชนถ้าจะลงทุนเขาต้องทำแผนทั้ง แผนผลกระทบสิ่งแวดล้อม แผนการคุ้มค่าการลงทุนทั้งสิ้น
สามารถ กล่าวอีกว่า รัฐควรจัดให้เอกชนทำเพราะเนื่องจากประชาชนคนไทยทุกคนนั้นมีเสรีภาพในการเดินทางตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นภูกระดึงเองก็เป็นสถานที่สวยงาม ตนคิดว่าน่าจะให้คนพิการ หรือคนที่ไม่สามารถมีศักยภาพในการเดินทางขึ้นภูกระดึงได้ด้วยตัวเขาเองนั้นได้มีโอกาสได้เดินทางขึ้นโดยไม่ถูกกำจัดสิทธิ
สามารถ ยกตัวอย่างหลายประเทศ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เขาก็ทำกระเช้าขึ้นภูเขา ซึ่งก็ยังอนุรักษ์ในเรื่องของการเดินเท้าขึ้นภูเขาด้วยเช่นเดียวกัน ฉะนั้นมันควรจะเป็นทางเลือก และตนคิดว่า ในรัฐธรรมนูญเองก็ระบุไว้ชัดเจนว่า ประชาชนนั้นมีเสรีภาพในการเดินทาง ไม่ควรถูกจำกัดด้วยสภาพร่างกาย หรือเด็กๆ บางคนอาจจะเคยขึ้นภูกระดึงแต่พอโตไปเขาเจ็บป่วยก็ไม่สามารถขึ้นได้ ผมจึงคิดว่าประชาชนไม่ควรจะถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์ และเงื่อนไขที่ไม่มีประโยชน์
“แต่เหนือสิ่งอื่นใดผมคิดว่า ควรให้เอกชนลงทุน รัฐบาลไม่ควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือลงทุนส่วนงบศึกษา 28 ล้านบาทนั้นแพงมาก เพราะระยะทางเดินเท้าขึ้นภูกระดึงระยะ 5.5 กิโลเมตรเท่านั้นเอง แต่ถ้าทำกระเช้าระยะทางน่าจะสั้นกว่านี้อีก ทั้งนี้ผมเคยได้ยิน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เคยพูดว่า เรื่องทำถนนใช้งบศึกษา 40 ล้าน ในการทำถนน 200 กิโลเมตร ท่านนายกเศรษฐา ยังไม่เห็นด้วยเลย ดังนั้นถ้าวันนี้จะใช้งบศึกษาการใช้งบ 28 ล้านบาทเพื่อแค่ศึกษาขึ้นภูกระดึง ผมคิดว่าท่านนายกฯ เองคงจะไม่อนุมัติ แต่ดันผ่าน ครม. แล้ว เลยงงว่า นายกฯ ใช้ตรรกะคิดอย่างไร”