เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (7 ธ.ค.) รัฐสภาเดนมาร์กผ่านร่างกฎหมายกำหนดให้การเผาคัมภีร์อัลกุรอานในที่สาธารณะ ถือเป็นการกระทำอันผิดกฎหมาย ภายหลังจากเกิดการประท้วงในประเทศมุสลิมจำนวนมาก เกี่ยวกับการดูหมิ่นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาอิสลาม จนก่อให้เกิดความกังวลด้านความปลอดภัยในหลายประเทศของยุโรป
ร่างกฎหมายห้ามเผาคัมภีร์อัลกุรอานในที่สาธารณะของเดนมาร์ก ได้สั่งห้าม “การปฏิบัติต่องานเขียนอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งมีความสำคัญทางศาสนาอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับชุมชนศาสนาที่ได้รับการยอมรับ” ผ่านการลงมติด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 94 เสียง และคัดค้าน 77 เสียง ในที่ประชุมรัฐสภาเดนมาร์ก ซึ่งมีที่นั่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 179 ที่นั่ง
ในทางปฏิบัติ กฎหมายฉบับนี้จะสั่งห้ามมิให้ผู้ใดเผา ฉีก หรือทำให้คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาต้องเสื่อมเสียในที่สาธารณะ หรือผ่านการบันทึกภาพด้วยวิดีโอ ที่มีจุดประสงค์เพื่อการเผยแพร่เนื้อหาเป็นนวงกว้าง โดยผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายห้ามเผาคัมภีร์อัลกุรอาน อาจเสี่ยงต่อการถูกปรับหรือจำคุกสูงสุด 2 ปี
ทั้งนี้ ก่อนที่กฎหมายห้ามเผาอัลกุรอานจะมีผลบังคับใช้ในเดนมาร์ก สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก จะทรงลงพระปรมาภิไธยเพื่อประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้อย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนนี้
กระทรวงยุติธรรมเดนมาร์กระบุว่า วัตถุประสงค์ของกฎหมายห้ามเผาอัลกุรอานนี้ เป็นไปเพื่อการเพื่อตอบโต้ “การดูหมิ่นอย่างเป็นระบบ” ต่อความเชื่อทางศาสนา ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดภัยคุกคามของการก่อการร้ายในเดนมาร์กที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น
เดนมาร์กและสวีเดนต่างเผชิญกับการประท้วงในที่สาธารณะหลายครั้งตลอดช่วงปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งนักเคลื่อนไหวต่อต้านศาสนาอิสลามในสองประเทศ ได้ทำการเผาหรือทำลายคัมภีร์อัลกุรอาน ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดต่อชาวมุสลิมทั้งในและนอกประเทศ และก่อให้เกิดข้อเรียกร้องให้รัฐบาลของทั้งสองประเทศสั่งห้ามการปฏิบัติในทางร้ายต่อคัมภีร์อัลกุรอาน
เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา หลังเกิดความตึงเครียดจากการเผาคัมภีร์อัลกุรอานในเดนมาร์ก ได้มีกลุ่มผู้ประท้วงหลายร้อยคนพยายามเดินขบวนไปยังสถานทูตเดนมาร์ก ในเขตพื้นที่สีเขียวของกรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรัก หลังจากผู้ชุมนุมถูกเรียกร้องให้ออกไปประท้วงโดย มุกตาดา อัล-ซาดร์ ผู้นำศาสนาและการเมืองนิกายชีอะห์ของศาสนาอิสลาม
ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ด้านความปลอดภัยที่เลวร้ายลง เดนมาร์กได้เพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการควบคุมชายแดนชั่วคราว อย่างไรก็ดี ตามข้อมูลของสำนักตำรวจแห่งชาติเดนมาร์ก ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. ถึง 24 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการรายงานการเผาคัมภีร์หรือการเผาธงทางศาสนาอิสลามกว่า 483 ครั้งในเดนมาร์ก
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งประกาศครั้งแรกเมื่อปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการแก้ไขภายหลังการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ร่างกฎหมายที่เสนอมาในฉบับแรกจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก และคงเป็นเรื่องยากที่จะบังคับใช้จริง จากเดิมทีที่มีการวางแผนจะร่างให้กฎหมายครอบคลุม ถึงวัตถุที่มีความสำคัญทางศาสนาที่สำคัญอื่นๆ
เดนมาร์กพยายามสร้างสมดุลระหว่างเสรีภาพทางคำพูดที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงสิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์ศาสนา และความมั่นคงของชาติ เหนือความกลัวว่าการเผาอัลกุรอานจะก่อให้เกิดการโจมตีเกิดขึ้นในประเทศ
อย่างไรก็ดี นักวิจารณ์ในสวีเดนและเดนมาร์กกล่าวแย้งว่า ข้อจำกัดใดๆ ก็ตามในการวิพากษ์วิจารณ์ศาสนา รวมถึงการเผาอัลกุรอาน จะบ่อนทำลายเสรีภาพตามคุณค่าเสรีนิยมที่เดนมาร์กต่อสู้มาอย่างหนัก ในขณะที่รัฐบาลผสมฝ่ายหัวกลางของเดนมาร์กโต้แย้งว่า ร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้จะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อเสรีภาพทางคำพูด และการวิพากษ์วิจารณ์ศาสนาในรูปแบบอื่นยังคงถูกกฎหมาย
ที่มา: