หน้าแรก Voice TV ‘เศรษฐา’ ชมโอท็อป​กาญจนบุรี​ – ยิ้มแก้มปริ​ ปชช.มอบเสื้อบอล​สลักชื่อ

‘เศรษฐา’ ชมโอท็อป​กาญจนบุรี​ – ยิ้มแก้มปริ​ ปชช.มอบเสื้อบอล​สลักชื่อ

74
0
‘เศรษฐา’-ชมโอท็อป​กาญจนบุรี​-–-ยิ้มแก้มปริ​-ปชช.มอบเสื้อบอล​สลักชื่อ

‘เศรษฐา’ ชมโอท็อป​กาญจนบุรี​ – ยิ้มแก้มปริ​ ปชช.มอบเสื้อบอล​สลักชื่อ อวยพรให้เป็นนายกฯ นานๆ – ถามหา​ ‘ผู้ว่าฯ ททท.’ ไร้เงา​ โผล่เที่ยว อังกฤษ-เบอร์ลิน

เศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เดินทางมายังองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาภาพรวมจังหวัดกาญจนบุรี​ พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการสินค้า OTOP และสินค้าวิสาหกิจชุมชน​ ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ตำบลท่ามะขาม  

เมื่อนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงได้เดินชมสินค้าโอท็อปประจำจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งระหว่างนั้นได้มีประชาชนมอบเสื้อฟุตบอลสีแดง​ ของสโมสร DP Kanchanaburi FC​ หรือ​ Dragon FC​ โดยด้านหลังสกรีนชื่อ ‘เศรษฐา​ ทวีสิน’ หมายเลข 30 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามว่า ขณะนี้สโมสรอยู่ในดิวิชั่นใด ประชาชนจึงตอบว่า ลีก 2 นายกฯ​ จึงอวยพรขอให้ขึ้นลีก​ 1 ในฤดูกาลหน้า

ขณะเดียวกัน ก็ได้มีประชาชนมอบผ้าขาวม้าคล้องคอได้อวยพรขอให้​ ‘เศรษฐา‘​ เป็นนายกรัฐมนตรีนานๆ​ จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ทดลองตำและชิมขนมทองโย้​ซึ่งขนม พื้นเมืองกระเหรี่ยง​ในพื้นที่สังขละบุรี​ ทองผาภูมิและศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ติดตามแนวชายแดนไทยเมียนมา

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้พบปะกับพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อย เพื่อรับมอบดอกไม้ให้กำลังใจ พร้อมกับขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มาติดตามปัญหาข่าวไร่อ้อยในพื้นที่ โดยชาวบ้านยังถือป้ายรอต้อนรับโดยระบุว่า​ “ขอบคุณ​ พณฯ​ เศรษ​ฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรี ที่ได้อนุมัติค่าตัดอ้อยสด ตันละ 120 บาท ให้ชาวไร่อ้อย​ และ​ ชาวไร่อ้อย​ รวมใจตัดอ้อยสด เพื่อลดฝุ่นละออง PM 2.5 ตามนโยบายรัฐบาล”

ทั้งนี้ระหว่างเดินชมนายกรัฐมนตรี ยังให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์โกโก้​ ซึ่งเป็นของ​ ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ โดยรัฐบาลกระทรวงอุตสาหกรรมมีแนวคิดที่จะให้แปรรูปเพิ่มมูลค่า ซึ่งตัวแทนเกษตรกรกล่าวว่าพื้นที่กาญจนบุรี​ ยังต้องการโรงงานแปรรูปอยู่

จากนั้นนายกรัฐมนตรี​ ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง​ เพื่อรับฟังปัญหาภายในพื้นที่​ ทั้งปัญหาที่ดินทับซ้อน – การออกโฉนดที่ดินทำกิน​ โดยระบุว่า​ จากที่ฟังบรรยายสรุปแล้วมีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่าผู้บริหารที่นี่ ทำงานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดี พร้อมกับชมผู้ว่าราชการจังหวัด​และ นายกฯ​ อบจ.ที่ ทำงานเพื่อประชาชนโดยอย่าคิดว่าเป็นพรรคไหน ทำงานร่วมกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน​ เอาความต้องการและความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีความพร้อมทุกอย่างมีหมด 

ส่วนการแก้ไขปัญหาการจัดสรรที่ดิน มีปัญหาตั้งแต่ปี 2481 ซึ่งขอสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งผบ.ทสส มหาดไทย ช่วยไปพูดคุยกันให้จบ​ เพราะปัญหานี้มีมายาวนาน ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่มาถึงแล้วก็อยากให้จมที่รุ่นนี้ ตนขอฝากผู้ว่าราชการไว้ด้วย หากสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกินได้ตนเชื่อว่าแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุนได้อย่างดี​ ควบคู่ไปกับนโยบายหลักของรัฐบาลที่จะจัดการหนี้นอกระบบให้หมด หากทุกภาคส่วนช่วยกันทำงานเต็มที่ตนจะช่วยอยู่เบื้องหลังพยายามให้จบให้ได้ภายในรุ่นนี้ เพื่อให้มีสินทรัพย์เป็นทุน​ เนื่องจากศักยภาพภายในจังหวัดกาญจนบุรีนั้นเหลือล้น เป็นจังหวัด ท็อป​ 5 ของประเทศได้อย่างสบาย

ส่วนการบริหารจัดการน้ำต้องไม่ท่วมไม่แล้ง​ แต่พื้นที่นี้ส่วนใหญ่เป็นปัญหาน้ำแรงมากกว่า หากไม่แรงเสียอย่างตนเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตรและรายได้ต่อหัวจะขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เรามีแหล่งน้ำอยู่จำนวนมาก พร้อมกับมอบนโยบายให้ปล่อยปลาตามแหล่งน้ำ ที่ตรงกับความต้องการของตลาด​ เพื่อสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นเล็กๆน้อยๆ ซึ่งตนเข้าใจถึงความเดือดร้อนการที่ประชาชนมีรายได้เสริม

ส่วนศักยภาพทางการค้าในชายแดนศุลกากร พื้นที่นี้มีความเสียเปรียบจากหัวเมืองหลัก เนื่องจากความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะฉะนั้นการค้าทางด้านตะวันออก​ ที่ติดกับประเทศลาวค่อนข้างดีมาก แต่ตนไม่อยากให้ชาวจังหวัดกาญจนบุรีนั้นหมดหวัง ประเทศเมียนมามีประชากรเท่าๆเรา 70 ล้านคน​ แต่ปัญหาภายในก็หนักหนาอยู่ เราเองเราชัดเจนวางตัวเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ 

เพื่อรักษาไว้​ซึ่งสิทธิมนุษยชน​ ความปลอดภัยของผู้บริสุทธิ์ เป็นหน้าที่ของความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องมีส่วนร่วม ซึ่งหากถามว่าทำไมตนถึงพูดตรงนี้ขึ้นมา​ ประเทศไทยมีประชากร 70 ล้านคน​ เท่ากันกับเมียนมา หากทำตัวเป็นศูนย์กลางในการเจรจาให้เกิดความสงบสุขได้​ ชายแดนไทยกับเมียนมา จะ 2,000 กิโลเมตร ถ้าเขาไม่มีปัญหาเราก็ไม่มีปัญหา การค้าชายแดนชายแดนจะบูม​ เรามีท่าเรือเรามีสนามบินที่มีศักยภาพแล้ว

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการท่องเที่ยวว่า ก็แปลกใจที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี บอกว่าจังหวัดกาญจนบุรีเป็นอันดับ 3 ที่มีท่องเที่ยวนักเข้ามาซึ่งเป็นเรื่องของจำนวนคน และตนเคยบอกไปแล้วว่าเรื่องจำนวนคนเป็นเรื่องรอง แต่เรื่องใหญ่คือการจับจ่ายใช้สอยและระยะเวลาที่อยู่ ที่ผู้ว่าฯบอกว่า นักท่องเที่ยวต่อ 1 คนใช้เงินแค่ 1,000 กว่าบาท 1,000 กว่าบาทบางทีโรงแรมหนึ่งคืนยังไม่ได้เลย 

แสดงว่าเขามาเช้าเย็นกลับและมาอยู่ที่กรุงเทพฯ และไม่ค้างที่ในเมือง โรงแรมที่จังหวัดกาญจนบุรีมี 600 กว่าโรงแรม และโรงแรมดีๆก็มีเยอะ ฝากทีมงานให้ไปพูดคุยกับผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มัวแต่ไปอังกฤษไป เบอร์ลิน อยากให้มาดูหน่อยอยากให้มาดูหน่อยมาดูจังหวัดกาญจนบุรี มาดูแลจังหวัดที่เดือดร้อนหน่อย แต่ไปจังหวัดใหญ่ๆ เชียงใหม่ ภูเก็ต จังหวัดแบบนี้อันซีน 

พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ยังถามถึง ททท.จังหวัดกาญจนบุรี ฝากให้ดูเรื่องการท่องเที่ยวเพราะท่านก็ทราบว่าจังหวัดนี้ศักยภาพสูงขนาดไหน อย่าตะแบงแค่ตัวเลขอย่างเดียว คนมาเยอะไม่ช่วย รายได้ รายจ่ายต่อหัว ระยะเวลาที่อยู่ ระยะเวลาท่องเที่ยว ต้องลงพื้นที่ให้หนัก มาพูดคุยกับผู้บริหารจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด สส. เชื่อว่าทุกคนมีแรงบันดาลใจ เพราะที่บรรยายมา 30% เป็นเรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งนโยบายการท่องเที่ยวรัฐบาลถือเป็นเรื่องสำคัญ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่