ถ้าเป็นไปตามข้อต่อสู้ของเรา น่าจะมีโอกาสชนะคดีนี้ได้ ซึ่งเดิมขอเลื่อน เพราะเป็นวันแรกของการเปิดประชุมแต่ศาลไม่อนุญาต
“ไอซ์ รักชนก” หรือรักชนก ศรีนอก สส.สมัยแรกจากพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ ก่อนเข้ารับฟังคำพิพากษาศาลอาญาในเช้าวันนี้ (13 ธ.ค.)
ก่อนอีกราวครึ่งชั่วโมง ศาลอาญาจะตัดสินจำคุก 6 ปีไม่รอลงอาญา ในคดีมาตรา 112 และความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และตอนนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอประกันตัวชั่วคราว แต่หากไม่ได้รับการประกันตัว ไอซ์ รักชนก จะสิ้นสุดความเป็นสส.ทันที
แม้ว่าความผิดจะเกิดขึ้นก่อนที่ “ไอซ์ รักชนก” ในวัย 29 ปีดีกรี สส.หน้าใหม่ขี่จักรยานล้มช้าง ล้มตระกูลใหญ่ “อยู่บำรุง” และ “ตระกูลม่วงศิริ” จนจะชนะการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.2566 ด้วยคะแนนเสียงจากประชาชน 32,225 คน
หากย้อนความผิดของ “ไอซ์ รักชนก” เกิดขึ้น ระหว่างวันที่ 18 ก.ค.-9 ส.ค.2564 โดยการใช้บัญชีทวิตเตอร์ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีน พร้อมรูปภาพที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ 10 เป็นเหตุให้ถูกฟ้องดำเนินคดีดังกล่าว
อ่านข่าว ศาลตัดสินจำคุก 6 ปีไม่รอลงอาญา “ไอซ์ รักชนก” คดี ม.112
ซึ่งในระหว่างการพิจารณาคดี ทนายของ “ไอซ์ รักชนก” ได้ยื่นคำร้องโต้แย้ง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ม.26 และ ม.34 หรือไม่
แต่วันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญตีตกคำร้องของ “ไอซ์ รักชนก” โดยเผยแพร่คำวินิจฉัยที่ ระบุว่าพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ
การเดินทางมาศาลอาญา เพื่อรับฟังคำตัดสินครั้งนี้ “ไอซ์ รักชนก” ไม่ได้โดดเดี่ยว แต่เพื่อน สส.ก้าวไกล นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายชัยธวัช ตุลาธน มาเป็นทัพหน้าในการให้กำลังใจ พร้อมกับโลกออนไลน์ที่ติดแฮชแท็ก #ไอซ์รักชนก #ยกเลิก112 และ#ก้าวไกล
ขณะที่เพื่อน สส.ร่วมพรรคต่างออกมาดาหน้า ชี้ให้เห็นถึงเป็นปัญหาที่พรรคก้าวไกลพยายามเสนอให้มีการแก้ไขปัญหาของพรรคก้าวไกล ถ้อยแถลงของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร บอกสั้นๆ ว่า
หวังว่าจะทำให้สังคมเห็นถึงปัญหา และความพยายามที่จะแก้ไข กฎหมายมาตราดังกล่าว ของพรรคก้าวไกล แต่ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม
สอดคล้องกับความเห็น นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล บอกว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่ ไอซ์ รักชนก จะมาเป็น สส.พรรคก้าวไกล พรรคจึงไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วม หรือเกี่ยวข้องกับการต่อสู้คดีตั้งแต่ต้น เป็นเรื่องของทนายความ
พร้อมมั่นใจว่า ตามกระบวนการยุติธรรมไม่ว่าใครที่ถูกกล่าวหา ถือเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย กรณีนี้ต้องรอถึง 2 ศาล และ “ไอซ์ รักชนก” ใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่ ส่วนกระบวนการของพรรคนั้น ต้องรอขั้นตอนการประกันตัว
ไม่เพียงตัดสินคดี ม.112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ “ไอซ์ รักชนก” จำคุก 6 ปีไม่รอลงอาญา แต่วันนี้ศาลสั่งจำคุก “ไบรท์ ชินวัตร” คดี 112 เหตุปราศรัยม็อบปี 2563 ส่วนสำนวนคดี อานนท์ นำภา กับพวกที่เหลือ นัดสืบพยาน มี.ค.2567
อ่านข่าว ก้าวต่อไปของ “ก้าวไกล” กับ 2 คำร้อง หุ้น iTV – ม.112
ขณะที่ก้าวไกลยังมีสส.ที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 เช่น ปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด รวมทั้งนายพิธา และพรรคก้าวไกล ยังต้องฝ่าด่านหิน
กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หลังถูกร้องเหตุหาเสียงเลือกตั้ง ด้วยนโยบายยกเลิกกฎหมายอาญาม.112 ถือเป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองฯ หรือไม่ โดยศาลรัฐ ธรรมนูญ พิจารณาเห็นควรให้ไต่สวนพยานบุคคล กำหนดวันไต่สวน 25 ธ.ค.นี้
ยังคงเดินสายต่อเนื่อง “นายกฯนิด” นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เตรียมเข้าร่วมประชุมสุดยอด ASEAN-Japan วันที่ 14-18 ธ.ค.นี้ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พร้อมเชิญชวนนักธุรกิจญี่ปุ่นร่วมค้าร่วมลงทุนในไทย
รวมถึงประชาสัมพันธ์นโยบาย และโครงการสำคัญของไทย เช่น Landbridge การพัฒนาระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า และ soft power รวมทั้งในทางการเมือง โน้มน้าว ให้ญี่ปุ่นเพิ่มบทบาทเชิงสร้างสรรค์กับอาเซียนเพื่อลดความขัดแย้ง
อ่านข่าว ศาล รธน.นัดไต่สวนพยานบุคคลคดี “พิธาหุ้นสื่อ” 20 ธ.ค.
ให้ความหวังหาเสียงกับแรงงานกว่า 12 ล้านชีวิตว่าจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท แต่เอาเข้าจริงตัวเลขที่เคาะออกมากลับไม่ตรงปก หลังคณะกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำ มีมติเมื่อ 8 ธ.ค. เห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มในอัตราวันละ 2–16 บาท สูงสุด 370 บาท ยังห่างจากนโยบายอีกตั้ง 30 บาท
แถมเจ้ากระทรวงแรงงาน เคยให้คำมั่นว่าจะเป็นของขวัญปีใหม่ 2567 แต่สุด ท้ายที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยนายเศรษฐา สั่งตีกลับให้กระทรวงแรง งาน ผู้ที่เกี่ยวข้อง นำกลับไปพิจารณาตัวเลขมาใหม่ ยังไม่รู้จะทันปีใหม่หรือไม่
แว่วว่า งานนี้มีการขัดแข้งขัดขา ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน คือพรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย ด้วยเหตุก่อนเลือกตั้ง เพื่อไทยเคยประกาศ จะขึ้นค่า แรงวันละ 600 บาท แต่พอเอาเข้าจริงไม่ได้ตามฝัน เพราะภูมิใจไทย ก็ถูกแรงกดดันจากกลุ่มอุตสากรรมที่เป็นทุนสนับสนุน ที่ยอมให้ขึ้นค่าแรง 2-16 บาทเพื่อไม่ให้กระทบต่อการจ้างงาน
ขณะที่เพื่อไทย เบรกไว้ให้ไปเคาะกลับมาใหม่ เพราะก็ยังหาทางออกไม่เจอ ดังนั้น ผู้ใช้แรงงานคงรอลุ้นตัวเลขปรับค่าแรงปีหน้า จะได้เพิ่มมาซื้อไข่ได้สักฟองหรือไม่
อ่านข่าว
แรงงาน-นายจ้าง ยิ้มไม่ออก ! ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 2 บาท “ดีกว่าไม่ได้”