‘สามารถ’ อดีตผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม แนะ ‘สมรักษ์’ ผิดจริงให้สารภาพ หากไม่ได้ทำให้ฟ้องกลับสถานบันเทิง ฐานอนุญาตให้คนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย
วันที่ 16 ธ.ค. สามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น โดยอ้างว่าถูก สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยชื่อดัง พาเข้าโรงแรมแล้วลงมือกระทำอนาจาร หลังรู้จักกันในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น
สามารถ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรให้ สมรักษ์ ให้การไปตามนั้น อย่าไปบิดคำให้การเด็ดขาด อะไรที่ถูกกล่าวหา สมรักษ์ เองต้องดูว่า เป็นความจริงไหม ถ้าเป็นความจริงก็ให้รับสารภาพไปเลยหนักจะได้เป็นเบาไม่สิ้นเปลืองเวลาของกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าหากไม่เป็นความจริงก็ต้องหาพยานหลักฐานมาหักล้างกับข้อโต้แย้งที่เขากล่าวหา
สามารถ กล่าวต่อว่า ระบบกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยนั้น เป็นระบบกล่าวหา ผู้กล่าวหาจะต้องเป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐาน จนเชื่อได้ว่า มีผู้กระทำผิดเกิดขึ้น วันนี้สังคมเขาเชื่อว่า สมรักษ์ เป็นผู้กระทำความผิด ตนได้ฟังจากบทสัมภาษณ์ของ สมรักษ์ ที่พูดว่า ไม่รู้ว่าเด็กอายุต่ำกว่า 17 ปี พอรู้แล้วหยุดเลย คือประเด็นมันอยู่ที่ว่า สมรักษ์ ได้ดำเนินการฟ้องสถานบันเทิงแห่งนั้นหรือยัง
วันนี้ สมรักษ์ ต้องฟ้องแพ่ง เนื่องจากเข้าไปเที่ยวแล้วไปเจอเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี สุดท้ายมันเกิดความเสียหายทำให้ สมรักษ์ ต้องเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา ก็ต้องฟ้องค่าเสียหายกับสถานบันเทิงนั้น เพราะสถานบันเทิงนั้นมีกฎหมายควบคุมอยู่แล้วว่า ห้ามให้ผู้ที่ มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ ถ้าสถานบันเทิงใดให้คนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ จะต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาต และถูกสั่งปิด 5 ปีตามคำสั่งคสช. ที่ 22 / 2558
“วันนี้คำสั่ง คสช.ยังอยู่ สมรักษ์ต้องให้ทนายไปยื่นฟ้องแพ่ง ฟ้องสถานบันเทิงที่คุณสมรักษ์เข้าไปเที่ยว เข้าใช้บริการ เพราะถือว่าคุณสมรักษ์นั้นเป็นผู้ใช้บริการแล้วก็ไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งในผับ ซึ่งเชื่อได้อย่างสุจริตว่าเขาต้องอายุเกินกว่า 20 ปี เมื่อเราเชื่อได้ว่า เขามีอายุมากกว่า 20 ปีแล้ว เราก็บอกว่า เราจะไปโรงแรมโดยตัวเราก็ สถานะโสดอยู่แล้ว ก็ไม่มีความผิดเกิดขึ้น เพราะมันเป็นความสมัคร” สามารถ กล่าว
สามารถ กล่าวต่อว่า วันนี้การที่ น.ส.เอ ให้การว่า ได้แจ้ง สมรักษ์ แล้วว่า อายุ 17 ปี แต่ สมรักษ์ ยังพาไปนั้นเราไม่รู้ว่า อะไรคือข้อเท็จจริง ฉะนั้น สมรักษ์ ต้องให้การในชั้นศาล และนำสรุปในศาล แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้น ต้องมีพยานหลักฐานจนเชื่อได้ว่าคุณสมรักษ์เองเป็นผู้เสียหาย การรับผิดทางอาญานั้นจะต้องมีองค์ประกอบครบถ้วนคือ เจตนาภายนอกและเจตนาภายใน เพราะฉะนั้นคุณสมรักษ์ต้องไม่มีเจตนาที่จะพาเด็กอายุต่ำกว่า 17 ปีไปเที่ยวหรือกระทำอนาจาร กระทำชำเราเด็ดขาด เพราะกฎหมายเขาห้ามไว้
“ผมก็ต้องฝาก สมรักษ์ด้วย ความยุติธรรมมันมีอยู่แต่เราก็ต้องแสวงหา วันนี้สังคมกล่าวหา สมรักษ์ไปแล้วส่วนน้องอายุ 17 เขาได้รับการคุ้มครอง สังคมยังไม่รู้หรอกว่าใครถูก ใครผิดขอยกตัวอย่างกรณี เหมือนขับรถชนกัน เช่นรถมอเตอร์ไซต์กับรถเก๋งชนกัน สังคมยังไงตอนแรกรถเก๋งก็เป็นฝ่ายผิดไปก่อน แล้วค่อยไปนำสืบว่า สุดท้ายรถมอเตอร์ไซต์นั้นผ่าไฟแดงมาหรือไม่ ขับมาด้วยความประมาทหรือไม่ มันเป็นหลักสากลอยู่แล้ว” สามารถ กล่าว
สามารถ ระบุต่อว่า สมรักษ์ เป็นคนมีชื่อเสียง และก็เป็นเพศชาย ซึ่งสังคมเขาก็จะต้องกล่าวหา สมรักษ์ไปก่อน ฉะนั้น สมรักษ์ จะต้องทำเหมือนที่ผมพูดว่าต้องไปฟ้องสถานบันเทิง เพราะสถานบันเทิงดังกล่าวอ้างว่า น.ส.เอ ใช้เอกสารปลอม ในประเด็นนี้ได้มีการแจ้งความ น.ส.เอ หรือยัง
สามารถ กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้เราไม่รู้หรอกว่า ใครถูก ใครผิด อะไรจริง อะไรเท็จ แต่กระบวนการแจ้งความนั้นมันมีกฎหมายรับรอง ใครแจ้งความเท็จก็ต้องรับโทษ ใครฟ้องเท็จก็ต้องรับโทษ ใครเบิกความเท็จก็ต้องรับโทษ ใครให้การเท็จก็ต้องรับโทษกฎหมายมันมีอยู่แล้ว มันให้ความเป็นธรรมกับคนอยู่แล้ว และประเทศไทยนั้นเนี่ยเรามีถึง 3 ศาล ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา กว่าจะพิสูจน์กันได้ถึง 3 ศาลนั้นไม่รู้กี่ปี
แต่วันนี้ สมรักษ์ ถูกพิพากษาไปแล้ว ผมฝากไปถึงคนที่เป็นทนายให้ สมรักษ์ ก็ต้องชี้ช่องช่วยลูกความ และให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย สุดท้ายถ้า สมรักษ์ รู้ตัวว่าทำผิดจริงๆ ให้รับสารภาพแบบสุภาพบุรุษ อย่ายื้อเวลาเด็ดขาด