วันนี้ (20 ธ.ค.2566) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงภายหลังมีชื่อของตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับระเบียบของกรมราชทัณฑ์เรื่องการคุมขังนอกเรือนจำ ว่า
เป็นระเบียบที่ออกมาตั้งแต่ปี 2560 ก่อนที่ตนจะรับตำแหน่งรัฐมนตรี และในปี 2562 ที่ตนเป็น รมว.ยุติธรรม มีการออกกฎกระทรวงในมาตรา 33 พ.ร.บ.ราชทันฑ์ปี 2560 เรื่องการจำแนกผู้ต้องขัง โดยดูเรื่องพฤติกรรมผู้ต้องขัง จนถึงการรักษาพยาบาล ตลอดจนการเตรียมความพร้อมปล่อยตัวในปี 2563
ต่อมามีอดีตข้าราชการและคณะกรรมการสิทธิฯ หารือขอให้มีที่คุมขังนอกเรือนจำกับผู้ต้องขัง หรือผู้ที่ถูกกล่าวหาที่ไม่ควรจะเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ซึ่งตนเห็นด้วยจึงได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงยุติธรรม และคณะทำงานดำเนินการเรื่องนี้ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ตนก็ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีก่อน
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า วันนี้วิปวุฒิสภา เชิญตนมาชี้แจง เนื่องจากเป็นกฎหมายที่ดีในการเข้าสู่กระบวนการคัดแยกผู้ต้องขัง ให้เป็นไปตามหลักสากล
ดังนั้นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ต้องขังคนใดคนหนึ่งหรือไม่ ยืนยันว่าไม่ใช่ แต่เป็นกระบวนการยุติธรรมซึ่งทำตามกรอบสากล เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์
เป็นกฎหมายที่สากลดำเนินการและสามารถทำได้ แต่ต้องเข้าเกณฑ์ ส่วนการจำคุกจากคดีร้ายแรง เช่น ฆ่า ยาเสพติด จะไม่ถูกนำมาพิจารณากับระเบียบใหม่
นายสมศักดิ์ ระบุอีกว่า เป็นเรื่องดีที่อดีตนายกฯ ถูกคุมขัง เพราะจะทำให้สังคมเข้าใจและเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจ และอธิบายทัณฑวิทยาได้อย่างดียิ่ง และในฐานะกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ไม่ได้ไปล้วงลูก
นายทักษิณเข้าเกณฑ์ เพราะโทษไม่เกิน 4 ปี ไม่ได้เป็นบุคคลที่อยู่ในข่ายน่ากลัวของสังคม เช่น โทษฆ่าข่มขืน ซึ่งจำเป็นต้องถูกคุมขังในเรือนจำ หากเป็นโทษที่ไม่เป็นภัยต่อสังคม ในระบบสากลสามารถคุมขังนอกเรือนจำได้ รวมถึงเหลือโทษน้อย
ส่วนที่มองว่าการออกระเบียบราชทัณฑ์เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณนั้น นายสมศักดิ์เลี่ยงที่จะตอบคำถาม แต่บอกว่ากฎหมายเขียนได้ดี หากใช้ระยะเวลา 5 ปีตามมาตรา 43 สามารถแก้ไขได้
“สมศักดิ์” ยันไม่ได้ออกระเบียบต่อรองเข้าเพื่อไทย
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ยังปฏิเสธว่า ไม่ได้ออกระเบียบรองรับการย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เพราะหากคิดจะเข้าพรรคเพื่อไทยในขณะนั้นคงทำเสร็จไปแล้ว พร้อมย้ำว่า เป็นพัฒนาการของกฎหมาย แต่เข้าทางคนที่มีโทษน้อย ซึ่งการออกระเบียบในครั้งนี้มีกลุ่มคนที่จะได้รับการพิจารณากว่าหมื่นคน
เมื่อถามว่า มีการต่อรองตำแหน่งเข้าพรรคเพื่อไทย แลกกับข้อมูลการออกระเบียบนี้หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นพัฒนาการของกฎหมายที่เขียนเมื่อปี 2560 ที่ต้องทำให้ครบในการบริหารโทษ การจำแนกผู้ต้องขัง การรักษาพยาบาล หรือการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัว
ยืนยันว่ากรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีอำนาจใหญ่กว่าศาล และขณะนั้นไม่ได้คิดว่าจะไปอยู่พรรคไหน แต่กฎหมายพัฒนาเข้าสู่ความเป็นสากล อีกทั้งยังสามารถเปิดเผยได้ว่า อาจารย์มหาวิทยาลัยและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่มาหารือเรื่องนี้เป็นใคร แต่ยังไม่เปิดเผย
อย่างไรก็ตาม นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า การออกระเบียบฉบับนี้เป็นโอกาสของประเทศ และโชคดีที่มีเคสสำคัญทำให้คนสนใจ ซึ่งหากอธิบายจะทำให้เข้าใจได้ดีมาก แต่ตนไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงที่จะอธิบาย แต่วันนี้มีชื่อตนเข้าไปเกี่ยวข้องจึงต้องพูดให้สังคมเข้าใจ
นายสมศักดิ์กล่าวถึงการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ของนายทักษิณ ที่มีกำหนด 30 วัน, 60 วัน และ 120 วัน ว่า เป็นเรื่องของแพทย์และอำนาจผู้บัญชาการเรือนจำ อธิบดีไปจนถึงรัฐมนตรี
หากดูจากตัวเลขในวันนี้มีนักโทษที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่า 30 วันเกือบ 150 คน ไม่ได้มีคนเดียว และที่อยู่ใน 120 วันที่ผ่านมามีหลายคน แต่ไม่ได้เปิดเผย ส่วนนายทักษิณเป็นบุคคลสาธารณะที่ถูกจับจ้อง ข่าวออกมาจึงเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้ทำความเข้าใจกับสาธารณะ
ส่วนจะแปลกหรือไม่ที่ขณะอยู่ต่างประเทศ นายทักษิณดูแข็งแรง แต่เมื่อมาถึงไทยกลับป่วยจนต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล นายสมศักดิ์กล่าวว่า
ต้องลองถูกคุมขังสัก 2-3 วัน ชีวิตมันเครียดถ้าจะต้องเสียอิสรภาพ ลองเข้าไปซักคืนสองคืนจะนอนไม่หลับ คนอายุมาก มีความดัน ป่วย เป็นความเสี่ยงที่ผู้บัญชาการเรือนจำหรืออธิบดีกรมราชทัณฑ์จะคุมขังไว้ ทุกคนต้องการความปลอดภัย ไม่ต้องรับผิดชอบมาก เมื่อเกิดขึ้น จึงมีเหตุผลที่จะนำตัวส่งโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ต้องขังมีความปลอดภัยมากที่สุด
นายสมศักดิ์ ย้ำว่า หากใครไม่เคยนอนคุก ติดคุก ถูกจองจำ ลองไปสักคืนสองคืน มันเครียด ความเครียดเป็นต้นเหตุของโรคภัยไข้เจ็บ จึงไม่สมควรที่จะกระทำแบบนั้น เพราะมีหนทางในการแยกแยะ ผู้คุมขังก็ต้องทำตามกฏหมายให้ครบถ้วน ซึ่งกรมราชทัณฑ์อาจมีส่วนในการให้ข้อมูลน้อย จึงเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะทำให้สาธารณะเข้าใจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สาเหตุที่กรมราชทัณฑ์ส่งนายทักษิณเข้ารักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ เบื้องต้นเกิดจากสาเหตุโรคเครียดใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถามแบบนั้นก็ไม่ได้ ตนแค่ยกตัวอย่างว่าคนเครียดจะทำให้เป็นโรคต่างๆ ตนรับฟังข้อมูลจากหมอ แต่เมื่อสื่อถามก็ยกตัวอย่างให้ฟัง ส่วนจะมีโอกาสเปิดเผยโรคของนายทักษิณหรือไม่ เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ตนพูดในแง่วิชาการเพื่อเป็นการรับรู้ในทางสาธารณะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ราชทัณฑ์” โบ้ย “ทักษิณ” นอน รพ.ตร.หลังครบ 120 วัน “ดุลยพินิจหมอ”