‘รมว.ยุติธรรม’ ยัน ‘ทักษิณ’ ป่วยจริง ชั้น 14 ไม่ใช่ชั้นพิเศษ แต่พักเพื่อความปลอดภัย แจงระเบียบราชทัณฑ์มาแก้นักโทษล้นคุก ไม่ได้เอื้อใคร
วันที่ 21 ธ.ค. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 4 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 วาระพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล ได้ตั้งกระทู้สดสอบถามนายกรัฐมนตรี เรื่องการประกาศระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงยุติธรรมที่อาจกระทบสิทธิของประชาชน
ชลธิชา กล่าวยืนยันสิทธิในการรับการรักษาพยาบาลของผู้ต้องขัง ผู้ต้องหาทุกคนต้องมีสิทธิ์ในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม และเห็นว่ากรณีของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หากมีอาการเจ็บป่วยที่เกินกำลัง และศักยภาพของเรือนจำ ควรย่อมได้ส่งตัวไปรับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพ
โดย ชลธิชา ได้สอบถามถึงเกณฑ์ในการพิจารณาเรื่องนี้ ที่มีคำถามว่าสุดท้ายกรมราชทัณฑ์จะมีเกณฑ์พิจารณาการให้สิทธิ์ของผู้ต้องขังในการออกไปรับการรักษาในโรงพยาบาลข้างนอกอย่างไร พร้อมยกตัวอย่างของ เอกชัย หงส์กังวาน ผู้ต้องขังทางการเมือง ที่ตรวจพบฝีในตับ หลังรับการรักษาแล้ว ได้แจ้งกลับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ว่าโรงพยาบาลราชทัณฑ์พยายามจะส่งตัวกลับเข้าเรือนจำอีกครั้ง อีกทางแพทย์ยังให้ความเห็นว่า ฝีที่พบในตับนั้นเกิดจากความไม่ถูกสุขอนามัยของเรือนจำ
“แนวทางปฏิบัติของกรมราชทัณฑ์ระหว่างกรณีคุณทักษิณกับคุณเอกชัยนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง” ชลธิชา กล่าว
ชลธิชา ขอให้ชี้แจงว่าระเบียบของกรมราชทัณฑ์ที่ออกมาใหม่นั้น จะช่วยแก้ปัญหาความแออัดภายในเรือนจำได้อย่างไร ผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์ระเบียบนี้มีจำนวนเท่าใด และขอความชัดเจนในการกำหนดหลักเกณฑ์พิจารณาผู้ต้องขังที่เข้าข่ายระเบียบดังกล่าว และขอให้มีหลักการเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ต้องขังที่มีความร่ำรวย และมีอิทธิพล
นายกรัฐมนตรี มอบหมาย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นตัวแทนตอบกระทู้ถาม โดย พ.ต.อ.ทวี ชี้แจงว่า ทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2566 ในช่วงคาบเกี่ยวการเปลี่ยนรัฐบาล จากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาสู่รัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน และการบังคับใช้กฎหมายเป็นไปตามเจตนารมย์ กฎหมายของกรมราชทัณฑ์มีเจตนารมณ์อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ไทยมีเรือนจำที่นักโทษล้นคุก และเหตุที่ต้องออกกฏหมายเพราะไม่สามารถจัดการบริหารทั้งหมดของผู้ต้องขังเฉพาะรายได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากไม่มีอำนาจและไม่สามารถดำเนินการให้มีสถานควบคุมนอกจากเรือนจำ ซึ่งกฎหมายคุมขังนอกเรือนจำบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2560
ส่วนกรณี ทักษิณ เมื่อมีการรักษาพยาบาลนอกประจำการก่อน 120 วัน จะต้องมีหนังสือความเห็นของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมความเห็นของแพทย์ และหลักฐานเกี่ยวข้อง รายงานให้รัฐมนตรีทราบ และรับทราบว่าวันนี้จะมีความชัดเจนว่าจะมีการขอขยายระยะเวลาการรักษาหรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีส่งเรื่องมายังรัฐมนตรีพิจารณา เพียงแต่รับทราบเรื่องนั้นไม่ได้มีอำนาจอนุมัติ และจากการสอบถามแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ได้รับการยืนยันว่า ทักษิณ ป่วยจริง
“ผมทราบว่ามีตัวแทนของหมอโรงพยาบาลตำรวจเข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการการตำรวจ และผมได้พูดคุยว่า เรือนจำคือที่คุมขังผู้ต้องขังและสิ่งที่ต่อเนื่อง ตามกฎหมาย ถือว่าออกไปไหนไม่ได้ และมีผู้ควบคุม ไม่มีใครเยี่ยมได้ ซึ่งเป็นระเบียบเดียวกันกับเรือนจำ ผมถามหมอตรงๆ ท่านยืนยันว่าป่วยจริง มีหลักฐานตามที่ปรากฎจริงและจากรายงานจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เรือนจำ พบว่าผู้ป่วยเป็นหลายโรค กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง และเป็นความเห็นของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่ยืนยันว่าป่วยจริง” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
พ.ต.อ.ทวี ยังชี้แจงด้วยว่า สำหรับระเบียบราชทัณฑ์เป็นเกณฑ์ปกติ ไม่ใช่เฉพาะ ทักษิณ ซึ่งออกระเบียบแล้วไม่ใช่จะจบเรื่อง เพราะต้องเข้าประชุมกรรมการ ที่จะประชุมต้นเดือน ม.ค. 2567 ที่มีผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกร่วมด้วย และขณะนี้เตรียมออกระเบียบอีกฉบับให้การคุมขังนอกเรือนจำครอบคลุมผู้ที่อยู่ระหว่างสอบสวนด้วย โดยให้ศาลพิจารณา
พ.ต.อ.ทวี ยังชี้แจงในประเด็นการเลือกปฏิบัติด้วยว่า ชั้น 14 ไม่ใช่ชั้นพิเศษ เพราะยังพบผู้ใหญ่บางคนไปเยี่ยมญาติที่ชั้นดังกล่าว แต่คนละส่วนกัน อย่างไรก็ดีการพักชั้น14 นั้นเพื่อความปลอดภัยตามระบบของราชทัณฑ์