ปฎิเสธไม่ได้ว่า หลังการตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งยกฟ้อง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” พ้นผิด ในคดีอัยการสูงสุดยื่นฟ้องยิ่งลักษณ์ ตามประมวลกฎหมายมาตรา 157 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต กรณีโอนย้าย “ถวิล เปลี่ยนสี”เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ เมื่อปี 2564
อาจเป็นสถานการณ์ที่เปิดทางและเป็นใจให้ “ยิ่งลักษณ์” เร่งตัดสินใจกลับไทยเพื่อรับโทษและเดินตามรอย “ทักษิณ ชินวัตร” พี่ชาย ซึ่งกำลังนอนรักษาตัวอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ หลังแพทย์ รพ.กรมราชทัณฑ์ ตรวจพบ “ทักษิณ” มีอาการป่วยด้วยหลายโรครุมเร้า
แม้จะนอนครบเกินระยะเวลากฎหมายกำหนด 120 แล้ว แต่ก็ยังเยื้อต่อได้ และคาดว่าในวันที่ 22 ก.พ.2566 “ทักษิณ” มีโอกาสสูงมากที่จะได้ออกมา “นอนนอกคุก” ตามประกาศระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการการดำเนินการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ที่เร่งดำเนินการตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.2566
เปิดไฟเขียว “ยิ่งลักษณ์” กลับไทย
ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา วิเคราะห์ว่า หลังคำตัดสินออกมา ในทางการเมืองมองได้ว่า เป็นการเปิดไฟเขียวให้ “ยิ่งลักษณ์” เดินทางกลับไทย และยังทำให้ “ยิ่งลักษณ์” และตระกูลชินวัตรมีความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวและการต่อสู้ทางการเมืองนับจากนี้
และการที่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งยกคำร้อง เท่ากับกระบวนการทั้งหมดอำนวยความยุติธรรมให้ และมีช่อง ทางให้อ้างเป็นเหตุที่จะต่อสู้ทางการเมือง
หรืออย่างน้อยที่สุดมีช่องทางที่กลับมาต่อสู้ในประเทศไทย แล้วใช้มาตรฐานเดียวกับที่ “ทักษิณ” สร้างบรรทัดฐานเดียวกันไว้ กล่าวคือ กลับมาเแล้ว ก็มีอาการป่วย ไม่สบาย ต้องเข้าโรงพยาบาล และต้องอยู่ในเงื่อนไขเดียวกัน ด้วยการใช้สิทธิทางกฎหมายไปจองจำอยู่ที่บ้าน ซึ่งไม่ใช่คุก และโอกาสดังกล่าวนี้เอื้อมาก
อ่านข่าว : คลี่คดีดัง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” สัญญาณบวกกลับไทย จริงหรือไม่ ?
“ยุติธรรม” เอื้อตระกูลชินวัตร “จุดไม่ติด”
ผศ.ดร.โอฬาร กล่าวอีกว่า แม้จะมีข้อครหาจากสังคมและถูกประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนในตระกูลชินวัตร เป็น “ยุติธรรม 2 มาตรฐาน” แต่เชื่อว่า “จุดไม่ติด” แม้คนส่วนใหญ่จะรู้สึกว่า ความยุติธรรมดังกล่าวเอื้อต่อตระกูลชินวัตรมากจนเกินไป แต่หากดูจากการต่อสู้ทางการเมืองในขณะนี้ กลุ่มคนที่ออกมาเรียกร้องถือว่าไม่มีพลัง
ต้องยอมรับว่ารัฐบาลชุดนี้อยู่ภายใต้การประณีประนอม และรอมชอมระหว่างชนชั้นนำและตระกูลชินวัตร ซึ่งคู่ขัดแย้งต้องขอลมหายใจของ “ทักษิณ” ให้มาช่วย โดยครั้งนี้กลุ่มอำนาจเก่าไม่สามารถอยู่ได้หากไม่มีลมหายใจของ “ทักษิณ” เข้ามาต่ออำนาจให้ จึงทำให้การต่อรองมีอำนาจเหนือรัฐบาลมาก
ในขณะที่กลุ่มฝ่ายค้านก็ไม่มีพลัง และไม่ออกมาเคลื่อนไหว โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งเหมือนกับมีดีลอะไรบางอย่างกับทักษิณ ส่วนพลังทางสังคม แม้จะมีกลุ่ม สว. ออกมาเคลื่อนไหวก็จุดไม่ติดด้วยเช่นกัน และทักษิณคงจะประเมินแล้วว่า ที่ผ่านมา เขาผิดพลาด เพราะมีคู่ขัดแย้ง ระดมกำลังออกมากดดันบนท้องถนน
แต่ครั้งนี้องคาพยพทางอำนาจไม่ว่าจะเป็นอำนาจในระบบ หรืออำนาจนอกระบบ เอื้อต่อเขาหมด จึงสามารถใช้ความพิเศษดังกล่าว เดินเกมทางการเมืองในการกอบกู้อำนาจกลับมาเหมือนเดิม
จับตาปี 67 “ดีลรัฐบาล 2 ขั้ว” พท.-กก.
ผศ.ดร.โอฬาร ตั้งข้อสังเกตว่าหากมองความเคลื่อนไหวระหว่างพรรคฝ่ายค้านและพรรคเพื่อไทย อยากให้มองข้ามดีลไปถึงการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล โดยเฉพาะการเมืองจากขั้วชนชั้นนำ เพราะดีลพวกนี้ คือ การต่อรองทางการเมือง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การตั้งรัฐบาลปัจจุบัน เป็นการตั้งบนเงื่อนไขการตระบัดสัตย์ การทรยศหักหลัง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ประเมินว่า เป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลเพื่อไทยจะร่วมกับกลุ่ม 3 ป. แม้ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว จะบอกว่าไม่มี แต่ในที่สุดก็มี
ดังนั้นคงไม่แปลก หากถึงวันที่ “ทักษิณ” พ้นจากขั้นตอนการพันธนาการและเรือนจำแล้ว ในวันนั้น ทักษิณจะกลับมามีอำนาจมาก จนเรียกว่า Full Power และมีอำนาจเหนือทั้งหมด เขาสามารถจะเปลี่ยนเกมการเล่นได้ เพราะไม่จำเป็น ต้องให้ความช่วยเหลือกับกลุ่มอำนาจเก่าแล้ว
ด้วยเหตุผลที่ ร.ศ.ดร.โอฬาร ตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มอำนาจเก่าก็ไว้ใจไม่ได้ เนื่องจากวันใดที่ “ทักษิณ” มีอำนาจมากเกินไป ก็อาจจะถูกปฏิวัติ หรือรัฐประหารได้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหากดูจากการสำรวจความนิยมหรือผลโพลทุกครั้ง พบว่า พรรคเพื่อไทยตกต่ำมาก ไม่ว่าจะเป็น “เศรษฐา ทวีสิน” หรือ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร
อย่างไรก็ตาม หากพรรคเพื่อไทยต้องการปูทางให้ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ จึงไม่มีแนวทางอื่นเลย ในการกอบกู้คะแนนนิยมให้กับพรรคเพื่อไทย นอกจากการร่วมมือกับพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน
ประเด็นดังกล่าว หากจะวิเคราะห์ว่าพรรคก้าวไกลรู้ทันพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ร.ศ.ดร.โอฬาร บอกว่า แม้จะรู้ แต่มันคือความจำเป็นที่ต้องร่วมมือกัน
ในการเลือกตั้งในครั้งหน้า ถ้าพรรคก้าวไกลไม่ได้แลนด์สไลด์ หรือได้แลนด์สไลด์ แต่ไม่สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ซึ่ง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า เคยหวังไว้ว่า พรรคก้าวไกลจะเปลี่ยนแปลงประเทศได้จะต้องร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย เชื่อว่า มีโอกาสสูงมาก
“ทักษิณ” พ้นโทษ ปล่อยเสือเข้าป่า
สำหรับความเคลื่อนไหวของขั้วฝ่ายอนุรักษ์นิยมและกลุ่มอำนาจเก่า ร.ศ.ดร.โอฬาร มองว่า ยังไม่มีสัญญาณ และหากเกิดความหวาดระแวงก็จะส่งผลให้ “ทักษิณ” อาจจะอยู่ในโรงพยาบาลยาว คือลากเอาไว้อย่างนี้ แต่เชื่อว่าโดยประสบการณ์กลุ่มอำนาจเก่าคงไม่ยอม และอาจปล่อยให้ชะล่าใจไปก่อน
ดังนั้นต้องวัดกันดูว่า หลังเดือนกุมภาพันธ์ 2567 หาก”ทักษิณ” ได้ออกจากคุกจริงๆ เกมการเมืองจะเปลี่ยน แต่การปล่อยทักษิณออกไปง่ายๆ ก็ไม่ต่างจากการปล่อยเสือเข้าป่า
หากสุดท้ายพรรคเพื่อไทยไปร่วมมือกับก้าวไกล ฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะถูกบดขยี้สูงมาก เชื่อว่าจะต้องมีการวางหมากเกมในการควบคุม แม้จะปล่อยทักษิณออกไป แต่ทำอย่างไรจะต้องควบคุมเขาไว้ให้ได้
ส่วน “ทักษิณ” ในกรณีที่หมดทาง หรือไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอำนาจฝ่ายอนุรักษ์ เขาก็อาจฉวยโอกาส โดยใช้กฎที่เอื้อออกมาแล้ว เคลื่อนไหวทางการเมือง และเชื่อว่าเขาจะไม่เก็บศัตรูเอาไว้ใกล้ๆ ตัว ถ้ามีโอกาสก็ต้องหาทางจัดการศัตรู เพราะศัตรูของ “ทักษิณ” มีกลุ่มเดียว คือ กลุ่มอำนาจเก่าฝั่งเดียว
ท่ามกลางสถานการณ์เข้มข้นทางการเมือง ในปี 2567 จึงน่าจับตามองว่า นอกเหนือจาก “ยิ่งลักษณ์” อาจจะกลับไทยแล้ว คนในตระกูลชินวัตรจะเดินหน้าทางการเมืองต่อไปอย่างไร และการเมืองจะกลับมาอยู่ในมือของ “ทักษิณ” จริงหรือไม่