‘พร้อมพงศ์’ ซัด ‘สว. กิตติศักดิ์’ หยุดค้าความขัดแย้ง อย่าช็อตฟีลคนไทยปีใหม่ควรมีความสุข
วันที่ 30 ธ.ค. 2566 พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษา (ฝ่ายการเมือง) ของรองนายกรัฐมนตรี (ภูมิธรรม เวชยชัย) กล่าวถึงกรณี กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงสถานการณ์การเมือง ปี 2567 ว่าม็อบจุดติดแล้วเพราะปม ‘ทักษิณ’ พร้อมลงถนนปีหน้า ติงนโยบายต่างประเทศนายกฯ ไม่ทันโลก ผูกมิตรตะวันตก ทำนักท่องเที่ยวจีนลด ตนเองไม่แปลกใจกับท่าที่ของ กิตติศักดิ์ ที่มีต่อรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เพราะกิตติศักดิ์ ก็ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทยมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ตนเองแปลกใจก็คือ ช่างกล้าออกมาเตือนรัฐบาลว่าทำอย่างนี้จะสร้างความขัดแย้ง ทำอย่างนั้นนักท่องเที่ยวจะไม่มา ทั้งที่ตัวเองก็ขึ้นชื่อในเรื่องความขัดแย้งอยู่แล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ลองพิมพ์ค้นหาชื่อ ‘กิตติศักดิ์’ ใน Google ดู สิ่งที่เราจะพบเห็นก็คือเรื่องราวความขัดแย้งกับใครต่อใครมากมายก่ายกอง หรือจะเป็นภาพชี้หน้าท้าต่อยตี ทั้งคนธรรมดาหรือพระสงฆ์องค์เจ้าก็ไม่เว้น ผลงานความขัดแย้งของวัดบางคลานที่สร้างไว้ก็เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนได้เป็นอย่างดี
เรื่องอดีตนายกฯทักษิณ เป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์ เรื่องอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ เป็นเรื่องอนาคต ไม่ใช่เรื่องที่ กิตติศักดิ์ จะหยิบฉวยมาสร้างสตอรี่เพื่อนำไปสู่ความขัดแย้ง ความขัดแย้งมันจะเกิดก็เพราะ กิตติศักดิ์ ทำตัวเป็นหมอดูผู้รู้ทุกเรื่อง ประเทศไทยวนเวียนอยู่ในความขัดแย้งมากว่ายี่สิบปี รัฐบาลนี้เข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้อง แก้ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาความขัดแย้งที่ผ่านมา สร้างอนาคตให้ลูกหลาน ควรหยุดค้าความขัดแย้งได้แล้ว
พร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า นโยบายระหว่างประเทศของรัฐบาลที่กิตติศักดิ์ ออกมาแสดงความเป็นห่วงว่า ผูกมิตรกับฝ่ายนี้ประเทศนั้น จะกระทบกับฝ่ายนั้นประเทศนี้ รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งเป็นมิตรกับทุกประเทศ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะเอามาพูดลอยๆ ส่งๆ แบบนี้ไม่ได้ มันทำให้ประเทศเสียหาย ปีใหม่คนไทยกำลังมีความสุข กลับออกมาพูดเรื่องเหล่านี้ ช็อตฟีลคนไทยซะงั้น
เอาจริงๆ สิ่งที่ตนเห็นหรือรู้จักเกี่ยวกับตัวกิตติศักดิ์ และมองว่าน่าจะถนัดก็คือ เรื่องวัดเรื่องวา ถ้า กิตติศักดิ์ ออกมาชวนคนไทยสวดมนต์ข้ามปีตนจะไม่ว่าซักคำ ถ้าทำหน้าที่ สว. ได้แค่นี้ ตนก็ขอแนะนำให้ลาออก น่าจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ อย่างน้อยๆ ก็ช่วยประหยัดภาษีประชาชนไปได้ส่วนหนึ่ง เพราะยังไงอีกไม่นานก็จะหมดวาระอยู่แล้ว