วันนี้ (3 ม.ค.66) เมื่อเวลา 17.00 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงในการอภิปรายร่างงบประมาณรายจ่ายปี 2567 โดยระบุว่า กรณี FTA เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญไม่เพียงเฉพาะ EU เท่านั้นโดยตั้งงบประมาณสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญต่อบริษัทต่าง ๆ ที่จะเดินทางตั้งมาลงทุนที่ไทยและมีความเสี่ยงหากยังไม่เร่งดำเนินการ เพราะมีคู่แข่งสำคัญ คือ เวียดนาม ซึ่งไม่ใช่เรื่องของค่าแรงเท่านั้น แต่ที่ผ่านมาเรามีความคืบหน้าในเรื่อง FTA น้อยมาก ซึ่งขณะนี้ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และรมว.การต่างประเทศ และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ มีแผนงานที่ชัดเจนและจะพยายามทำให้ได้โดยรวดเร็วที่สุด
อ่านข่าว : “ศิริกัญญา” ชี้ดิจิทัลวอลเล็ตล่องหน ไม่มีในงบปี 67
นายเศรษฐา ยังย้ำ จุดยืนของประเทศไทยในเวทีโลกคือเป็นกลางและภูมิใจในเอกราชของไทย กรณีอิสราเอล – ฮามาส ไทยถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกทำร้าย แต่ก็ใช้แนวทางทางการทูตที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายและมีจุดยืนคือเป็นกลาง และอาศัยความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีกับประเทศที่มีอิทธิพลต่อทั้ง 2 ฝ่าย โดยเฉพาะนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ซึ่งได้พบปะกันในหลายเวที และมีความสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัว และขอให้ท่านช่วยดูแลเรื่องตัวประกันอีก 8 คน ที่ยังอยู่ และหากมีหยุดยิงจะขอเจรจาและขอความช่วยเหลือจากเืพ่นอของเราในการให้การช่วยเหลือ
อ่านข่าว : “จุรินทร์” อภิปรายชี้ งบฯปี 2567 “เป็ดง่อย” กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้
นายเศรษฐา ยังกล่าวว่าการเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อดึงดูการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อให้เกิดการจ้างงานแบบไฮโปรฟิต เพื่อยกระดับรายได้ของคนไทยทุกคน ก็จะทำต่อไปทำมาแล้ว หลายเคสทำได้แล้วแต่ยังเปราะบางก็ต้องติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิดเพราะต้องแข่งขันกับเพื่อนบ้าน
อย่าลืมในะครับประเทศไทยไม่ได้มีเพียงนโยบายด้านภาษี เรามีหลายอย่างที่ดีเช่น ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่า โรงเรียนนานาชาติ ระบบสุขภาพระดับโลก การที่นักลงทุนมาในไทย เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญ และจะมุ่งมั่นนำบริษัทข้ามชาติที่มีศักยภาพที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้มาลงทุนอย่างต่อเนื่อง
กรณีหนึ่งในข้อตกลงไม่หวังเพียงเม็ดเงิน หรือเพียงผลิตภัณฑ์มาผลิตในไทย แต่จะให้มาสร้างศูนย์ฝึกอบรมและสามารถทำงานในอุตสาหกรรมใหม่ รายได้ดี ทำให้ประชาชนมีรายได้สูงขึ้น
อ่านข่าว : “ชัยธวัช” อัดงบฯ ปี 2567 เบี้ยหัวแตก หัวข้อสวยหรู ไส้ในไร้เป้าหมาย
ขณะที่กรณีเมียนมาเป็นประเทศเพื่อนบ้านมีชายแดนติดไทย ถือเป็นเพื่อนบ้านที่มีความสำคัญอย่างยิ่งซึ่งปัจจุบันประสบปัญหา ซึ่งนายปานปรีย์ ได้พูดคุยและข้อตกลงกับสมาชิกของอาเซียนในการตั้งคณะกรรมการด้านมนุษยธรรมเพื่อช่วยเหลือ โดยไทยจะเป็นผู้นำในการเจรจาในด้านนี้ ซึ่งเรื่องนี้มีนัยอีกมากทั้งการค้าชายแดน การแก้ไขปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 และเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด
อ่านข่าว : “เศรษฐา” ร่ายยาวแจงใช้งบปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท
นายกฯ ยังระบุถึงพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา (overlapping claims areas – OCA) ซึ่งไทยและกัมพูชามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยหนึ่งในเรื่องที่จะคุยในขณะที่นายฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ที่มีกำหนดการจะเดินทางเยือนประเทศไทย ในวันที่ 7 ก.พ.นี้ ก็คือเรื่องนี้ ซึ่งขณะนี้เรานั่งบนขุมทรัพย์มูลค่าหลายล้านล้านบาท ควรจะพูดคุยตกลงกันได้ เพราะจะช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภาฯ วันนี้ ประชุมพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2567 วาระแรก
เปิดงบฯ ปี 2567 จำนวน 3.48 ล้านล้านบาท กับ 6 ยุทธศาสตร์ 63 แผนงาน