“เปลวสีเงิน” ชม “สุทิน” รมว.กลาโหม ตอบเจ๋ง เกินเข้าตาต้องเรียกว่า “ทิ่มเข้าไปในลูกตา” หลังอภิปรายงบฯ 67 ลดกำลังพล-เรือดำน้ำ ชี้เคลียร์ชัดให้ 5 ดาว
วันที่ 6 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คอลัมนิสต์ชื่อดัง “เปลวสีเงิน” ได้เขียนบทความชื่นชม สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังได้ลุกขึ้นชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา
โดย เปลวสีเงิน มองว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ชี้แจงหลายประเด็น ทั้งงบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหมที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่าเพิ่มจำนวนมากขึ้น อาจไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน กรณีนโยบายการลดกำลังพลด้วยการจัดทำโครงการเออร์ลี่รีไทร์ให้กับเหล่านายพลกว่า 700 ตำแหน่ง รวมถึงประเด็นทางออกโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ
เปลวสีเงิน เอ่ยปากถูกใจผลงานรัฐมนตรีกลาโหม เปรียบเปรยว่าไม่ใช่แค่เพียงเข้าตา แต่ขนาด “ทิ่มเข้าไปในลูกตา” โดยเฉพาะการตอบโต้เรื่องงบกระทรวงกลาโหม ที่การจัดสรรไม่ได้จัดบนฐานของงบประมาณปีเดิม แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของประเทศ หากมีภัยคุกคาม ก็ต้องจัดงบเพิ่มขึ้น และยังต้องดูศักยภาพของประเทศคู่แข่ง ขอย้ำว่า งบกองทัพเป็นการเพิ่มขึ้นใน สัดส่วนที่ลดลง
คอลัมนิสต์ ยังชมว่า ต่อให้รัฐมนตรีกลาโหมที่ชื่อ “พลเอกประยุทธ์” มาชี้แจง ก็คงไม่เท่ารัฐมนตรีกลาโหมหมอลำ “สุทิน คลังแสง” คนนี้
นอกจากนี้ คอลัมนิสต์ ชื่อดัง ยังให้คะแนน 5 ดาว สำหรับการชี้แจง ประเด็น “ลดกำลังพลทหาร” ที่จะให้การปฏิรูป รวดเร็วดังใจไม่ได้ ต้องคำนึงถึงขวัญและกำลังใจของกำลังพล พร้อมทำโครงการ เออร์ลี่รีไทร์ ของนายพล เพื่อลดตำแหน่งนายพลลง 50% เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ เช่นเดียวกับการจัดซื้อ “เรือดำน้ำ” ที่นายสุทิน ชี้แจงว่า เป็นโครงการของรัฐบาลก่อนทำเอาไว้ ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมจึงเข้ามาแก้ แต่การแก้ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ที่ทำร่วมกันก็กว่า 2 แสนล้าน แต่หากทะเลาะกัน กับแค่เงิน 6 พันล้านจากเงินมัดจำ มองว่าไม่ฉลาด ซึ่งการชี้แจงดังกล่าวโดนใจ เปลว สีเงิน เป็นอย่างมาก
ด้าน สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า รู้สึกขอบคุณสื่อมวลชนที่เห็นความตั้งมั่น ตั้งใจ ในการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 4 เดือน ของการดำรงตำแหน่ง พร้อมยืนยันว่า เงินทุกบาททุกสตางค์จากงบประมาณแผ่นดิน ในฐานะเจ้ากระทรวงจะนำไปใช้ให้ เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติและกองทัพมากที่สุด ทั้งในเรื่องของกำลังพล ประชาชน และการพัฒนาประเทศ