วันนี้ (6 ม.ค.2567) ชาวบ้านในพื้นที่ อ.ภูกระดึง จ.เลย และชมรมปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเลย ยื่นรายชื่อและหนังสือสนับสนุนการสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์
ขณะลงพื้นที่รับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาคเอกชน เช่น จังหวัด หอการค้าจังหวัดเลย โดยระบุว่า ที่ผ่านมาโครงการนี้ ยังมีความเห็นต่างทั้งเสียงคัดค้านและสนับสนุน จึงต้องมีการศึกษาอย่างรอบคอบ แม้ว่าเสียงคัดค้านอาจจะน้อยกว่า เสียงสนับสนุนก็ตาม นอกจากนี้ จะต้องดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าด้วย เช่น ลูกหาบ โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคิดทั้งระบบต้องเกิดความสมดุล
ขณะนี้รัฐบาลได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยบูรพา ทบทวนผลการศึกษาและความเหมาะสม โดยในส่วนของรัฐ พร้อมสนับสนุนงบประมาณ 28 ล้านบาท เพื่อสำรวจออกแบบก่อสร้าง ตามที่ได้มีการขอ ซึ่ง ครม.สัญจร ที่หนองบัวลำภู ได้เห็นชอบแล้ว โดยจะเร่งรัดงบประมาณให้โดยให้ศึกษาความเป็นไปได้
อ่านข่าว : 1 สัปดาห์ซ่อมถ.กาญจนาภิเษกทรุดตัว กระทบ 5 ช่องทางจราจร
น.อ.อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) ระบุว่า ขณะนี้มหาวิทยาลัยบูรพาอยู่ระหว่างทบทวน การศึกษาความเหมาะสม และจะต้องดำเนินการจ้างออกแบบในโครงการ ซึ่งรอการจัดสรรงบประมาณ
จากนั้นจะเข้าสู่การจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ก่อนจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อผ่านแล้วจึงจะเสนอ ครม.พิจารณา หากเห็นชอบคาดว่า จะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2569
น.อ.อธิคุณกล่าวว่า รูปแบบกระเช้าจะเป็นลักษณะ condola หรือแบบเก๋ง จำนวนตู้โดยสารที่ใช้ 32 ตู้ จำนวนผู้โดยสาร 8 คน/ตู้ และสามารถขนส่งผู้โดยสารได้ 4,800 คน/วัน คาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้ 1,000,000 คน/ปี
ขณะที่ลูกหาบในอุทยานแห่งชาติภูกระดึง บางคนระบุว่า ปัจจุบันมีรายได้วันละ 600-700 บาท หากมีการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้า กังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้ จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมแผนรองรับ เช่น การหาอาชีพใหม่ ที่มีรายได้ใกล้เคียงกัน
ข้อมูลจากอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ระบุว่า ปัจจุบันมีการหาบสิ่งของของนักท่องเที่ยว 350,000 กิโลกรัม คิดเป็นรายได้ 10 ล้านบาท การขนสัมภาระในส่วนร้านค้าขนาดใหญ่และเล็ก 28 ร้าน รายได้ 7,000,000 บาท และสัมภาระของอุทยานฯ ราว 600,000 บาท รวมรายได้จากการจ้างหาบต่อปี 17.6 ล้านบาท ปัจจุบันมีลูกหาบกว่า 200 คน