คืนฟอร์ม ฝ่ายค้านมืออาชีพ ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หลังโชว์ฝีปากในศึกอภิปรายงบประมาณที่เพิ่งจะจบลงไปหมาดๆ ก็เปิดแผลซ้ำ ขยายให้เห็นความไม่ชอบมาพากล เรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หลังรัฐบาลระบุว่า ได้รับไฟเขียวจากคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว
แต่การกู้เงินจำนวนมหาศาล คนไทยทั้งประเทศควรมีสิทธิ์รับรู้ และไม่ว่ากฤษฎีกาจะตอบว่าอย่างไร กฤษฎีกาก็ยังเป็นแค่ที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล แต่การตัดสินใจเป็นของรัฐบาล
“ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นทั้งเศรษฐกิจหรือในทางกฎหมายตามมา รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ตัดสินใจและในฐานะเจ้าของนโยบาย ต้องรอดูว่าท้ายที่สุดรัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร จะยังยืนยันเสนอ พ.ร.บ.กู้เงินอยู่หรือไม่”
“อู๊ดด้า” จุรินทร์ แนะ มี 7 ปม ที่รัฐบาลจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ คือ 1.จำเป็นหรือไม่ 2.เร่งด่วนหรือไม่ 3.ต่อเนื่องหรือไม่ 4.วิกฤตหรือไม่ 5.ไม่สามารถตั้งเงินก้อนนี้ไว้ในงบประจำปีได้ทันใช่หรือไม่ 6.มีความคุ้มค่าหรือไม่ และ 7. ได้รับฟังความคิดเห็นโดยรอบด้านแล้วใช่หรือไม่
แต่ยังไม่ข้ามวัน “นายปกรณ์ นิลประพันธ์” เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ออกมาชี้แจงพัลวันว่า ในความเห็นไม่มีคำว่าไฟเขียว และการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการดังกล่าว ต้องนำไปเข้าคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ก่อน และจะต้องให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ชี้แจงในรายละเอียด
โดยเงื่อนไขระบุว่า ต้องมีความจำเป็นเร่งด่วนและต้องใช้ในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้วิกฤตของประเทศ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องมาดูกันต่อไปว่าเข้าเงื่อนไขหรือไม่
นายปกรณ์ บอกว่า ตามมาตรา 53 ระบุให้ออกเป็นกฎหมายได้ ส่วนจะเป็น พ.ร.ก.หรือ พ.ร.บ.ก็เป็นกฎหมายเหมือนกัน และควรจะต้องรับฟังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีข้อมูลประจักษ์ยืนยันได้ ต้องอาศัยตัวเลขที่เป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ โดยกฤษฎีกาอิงตามกฎหมายมาตรา 53 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 9 ของกฎหมายวินัยการเงินการคลัง …ถ้าทำตามปลอดภัยแน่นอน และหากทำตามเงื่อนไขก็จะไม่มีปัญหาอะไร
จ่อลาออกตามอีกเพียบหลัง 2 ส. สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ,สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม และอีก 1 ป. ประจวบ จันทรรวงทอง รมว.ดีอีเอส ทั้ง 3 คนเป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อไทย นำร่องประกาศลาออกเพื่อเปิดทางให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไป ได้ขยับมาทำหน้าที่ในสภาผู้แทน ต้องยอมรับว่า เป็นประเพณีปฏิบัติของพรรคที่ทำมาต่อเนื่อง เมื่อครั้งอดีตจากรัฐบาลไทยรักไทย มาเป็นพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน
หากย้อนกลับไปดูผลการเลือกตั้งทางการ พบว่า พรรคเพื่อไทย มี สส.จำนวน 141 คน เป็น สส.เขต 112 คน และสส.บัญชีรายชื่อ 29 คน จำนวนนี้มีรัฐมนตรีที่เป็น สส.บัญชีรายชื่อ 6 คน โดย 3 คนแรกโบกมือลาปาร์ตี้ลิสต์ชัดเจนแล้ว นัยว่าต้องการเวลาทำงานในฐานะฝ่ายบริหารให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ในฐานะรองนายกฯและรัฐมนตรี อย่างเต็มที่
ส่วนที่เหลืออีก 3 คน คือ รมช.เบี้ยว “เกรียง กัลป์ตินันท์” รมช.มหาดไทย, “บิ๊กทิน” สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม และ “ปุ๋ง” น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา
จำนวนนี้มี “บิ๊กทิน” สุทิน ซึ่งเตรียมไขก๊อกอีกคน โดยระบุว่า “ขอดูพรรคพวกที่พรรคก่อนว่า ทำอย่างไรก็จะทำตาม ไม่ขัดข้อง ถ้าเราออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ จะเปิดโอกาสให้คนอื่นได้เข้ามาทำหน้าที่ พรรคเพื่อไทยไม่ได้พูดคุยอะไรที่เป็นหลักเกณฑ์ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนคิดเองได้ว่า เรามีพรรคพวกที่ทำงานมาด้วยกันจำนวนมาก ถ้าแบ่งกันทำงานได้ควรจะแบ่ง
อ่านข่าว : “สุทิน” รอตัดสินใจลาออก สส.ยืนยันไม่ยึดติดตำแหน่ง
ผลพวงของการลาออก ทำให้สามารถขยับ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ในลำดับถัดไปอีก 3 คน คือ “ละออง ติยะไพรัช” น้องสาวของ ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีต สส.เชียงใหม่ พรรคไทยรักไทย ,ณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและบุตรชายของ “สาโรจน์ หงส์ชูเวช” อดีต ผอ.พรรคเพื่อไทย
และ “ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ” นักการเมืองหน้าใหม่ บุตรชาย “เกษม รุ่งธนเกียรติ” อดีตนักการเมืองกลุ่ม 16 ได้ขยับขึ้นมาแทนที่ และหาก “บิ๊กทิน” สุทิน ลาออกอีกคน คาดการณ์ว่า สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่จะได้เลื่อนลำดับคือ “นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์” หมอผ่าตัดหัวใจชื่อดัง ในฐานะอดีตแกนนำคนเสื้อแดงในพื้นที่ขอนแก่น ลำดับที่ 35 จะได้เดินเข้าสภาไปทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติแบบจัดเต็ม
เช่นเดียวกับว่าที่ สส.หน้าใหม่ “เดอะกิ๊ก” ณณัฏฐ์ แต่งตัวรอมานานในตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.ท่องเที่ยวและการกีฬาฯ ก็มีประวัติการทำงานไม่ธรรมดา แม้จะเป็นลูกชายคนดัง แต่ทำงานเบื้องหลังมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ยังถือเป็นอีกหนึ่งคนสนิทของนายกฯนิด “เศรษฐา ทวีสิน” ในฐานะมือประสานงานระหว่างภาคธุรกิจและ สส.ในพรรค
ขอลาพักร่าง “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก แจ้ง ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงมาเป็นระยะเวลานาน และมีอาการปวดหลังเรื้อรังมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ประกอบกับลุยงานมาอย่างต่อเนื่อง ทำงานภายใต้ทรัพยากรที่มีจำกัดอย่างมาก ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันต่างๆ มากมาย
แม้ว่าปริมาณงานอาจจะลดลง แต่ขอให้สบายใจ จะพยายามชดเชยด้วยคุณภาพของงานที่ดีขึ้น รักษาตัวเองให้เร็วที่สุด และจะกลับมาทำงานเต็มที่ได้เหมือนเดิม
อ่านข่าวอื่นๆ :
“สมศักดิ์” เปิดใจลาออก สส. เปิดทางคนรุ่นใหม่ ไร้การันตีนั่ง รมต. 4 ปี