วันนี้ (9 ม.ค.2567) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย จะเป็นบรรทัดฐานให้รัฐมนตรีคนอื่นของพรรคที่ต้องลาออกตามหรือไม่ ว่า ไม่ใช่ ซึ่งในอดีตเคยมีรัฐมนตรีลาออกจาก สส. ซึ่งตนเองก็เคย เพราะมีงานมากขึ้น ไม่สามารถรับงานได้ทั้งหมด ทั้งงานสภาผู้แทนราษฎร และรัฐมนตรีไปด้วย เพราะจะทำให้เสียหายต่อสวนรวม ตอบกระทู้ญัตติต่างๆ ไม่ทัน
ซึ่งตนเองได้คิดมาตลอด เราต้องเสียสละตรงนี้ออกไป เพื่อให้บัญชีรายชื่อคนอื่นขยับขึ้นมาแทน ทั้งนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ น.ส.ละออง ติยะไพรัช และนายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ซึ่งจะสามารถช่วยงานสภาฯได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นคนที่มีประสบการณ์ความรู้ รวมทั้งมีองค์ประกอบครบถ้วน ก็จะทำให้งานสภาฯมีความสมบูรณ์
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวว่า ในส่วนของตนในฐานะรองนายกฯขณะนี้ต้องดูแลส่วนงานของกระทรวงสาธารณสุข มีคณะกรรมการทั้งหมดกว่า 39 คณะ ต้องใช้เวลาในการประชุม 1.30 – 2 ชั่วโมง จึงเกรงว่า จะผิดพลาด เพราะจะต้องมีการติดตามการประชุมด้วยนอกจากการประชุมแล้ว อย่างงานในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ กองทุนหมู่บ้าน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. ตนเองต้องมีการลงพื้นที่ หากมีสถานการณ์น้ำท่วม ฝนตก จะต้องมีแผนและประเมินความเสียหาย ตนจึงคิดว่าต้องทำงานให้ดีในส่วนนี้้
เมื่อถามว่าไม่กลัวใช่หรือไม่ที่จะขาลอยและมีใครการันตีว่าจะได้เป็นรัฐมนตรี 4 ปี นายสมศักดิ์ หัวเราะก่อนกล่าวต่อว่า เป็นคำถามที่ดี ไม่มีใครการันตีให้ แต่กลัวว่างานจะเสียถ้าหากทำสองอย่างไม่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งการตัดสินใจของตนเองเพื่อส่วนรวมจริงๆ ซึ่งคนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ สส.ลำดับถัดไปเป็นคนรุ่นใหม่ และดูจากโครงสร้างของพรรคค่อนข้างพัฒนาไปโดยคนหนุ่มสาว
ทั้งนี้ นายกสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ที่จะสร้างแรงกดดันให้นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม , น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาและนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ที่จะต้องลาออกจากการเป็น สส.
และเมื่อถามย้ำว่าการลาออกจากการเป็น สส.แบบบัญชีรายชื่อแล้วจะทำให้ได้นั่งในเก้าอี้รัฐมนตรีไปพลางๆ หรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มองได้ 2 อย่างเขาก็บอกว่าขาลอย กับนั่งเก้าอี้นานๆ ก็เลือกเอาแล้วกัน แล้วแต่คนจะมอง ตนมองแทนไม่ได้
ส่วนจะเลือกแบบใด นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ก็เลือกไม่ได้ไง แต่ตนตัดสินใจแบบนี้เอง และคิดว่าดีที่สุดสำหรับส่วนรวมให้ได้ประโยชน์สูงสุด และปฏิเสธว่าไม่ทราบว่าเรื่องนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติหรือไม่
ส่วนตัวคิดว่าจะเป็นนโยบายของพรรคหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ แต่จากที่ตนได้พูดคุยคือไม่อยากให้งานเสีย อีกทั้งตนเองต้องรับผิดชอบงานด้านสาธารณสุข ทำให้รับผิดชอบงานคณะกรรมการเพิ่มอีก 12 คณะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :