วันนี้ (12 ม.ค.2567) เวลา 11.50 น.ภายหลังคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายชัยชนะ เดชเดโช ประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ พร้อมด้วยคณะทำงาน เดินทางมาที่โรงพยาบาลตำรวจเข้าศึกษาดูงาน ที่อาคารศรียานนท์ กองบังคับการอำนวยการ โรงพยาบาลตำรวจ นานกว่า 2 ชั่วโมง โดยมี พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ นายแพทย์ สบ 7 โรงพยาบาลตำรวจ ให้ข้อมูลและตอบคำถามกับคณะกรรมาธิการฯ
อ่านข่าว : “ทักษิณ” อยู่ต่อ รพ.ตำรวจ อธ.ราชทัณฑ์ เผยภาวะเสี่ยง-แพทย์ต้องเฝ้าระวัง
จากนั้น นายชัยชนะ พร้อมด้วย น.ส.ทิพา ปวีณาเสถียร สส.ลำปาง พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมาธิการตำรวจฯ ได้รับอนุญาตจากทาง รพ.ตำรวจ ให้ขึ้นไปยังชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา เพื่อไปตรวจสอบกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พักรักษาตัว นอกเรือนจำเกิน 120 วัน
โดยได้ขึ้นรถกอล์ฟ ไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจ และมีรายงานว่า นายชัยชนะ และคณะกรรมาธิการฯ ได้ขึ้นไปถึงชึ้น 14 และพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล บริเวณหน้าเคาน์เตอร์พยาบาลของสถานที่พักของผู้ป่วย แต่ไม่ได้เข้าไปภายในห้องพักของผู้ป่วย ซึ่งใช้เวลาพูดคุยประมาณ 10 นาที
อ่านข่าว : “ละเมิดสิทธิคนป่วย” ชั้น 14 หรือ “นักโทษวีไอพี” ละเมิดสิทธิคนไทย
จากนั้น เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจ ได้นำคณะกรรมาธิการฯ ไปดูนักโทษที่รักษาตัวอยู่บริเวณชั้น 7 ของอาคารแห่งนี้ต่อด้วย
ทั้งนี้ มีรายงานว่าระหว่างที่คณะกรรมาธิการตำรวจฯ ได้ขึ้นลิฟต์ ซึ่งได้เจอกับหัวหน้าพยาบาล คณะกรรมาธิการตำรวจฯ ได้สอบถามพยาบาลว่า ได้เคยเจอหรือรักษานายทักษิณหรือไม่
พยาบาลคนดังกล่าว ระบุว่า ส่วนตัวไม่เคยเจอเป็นเพราะหัวหน้า แต่น้องในทีมพยาบาลได้สลับเข้าไปคอยดูแล และให้การพยาบาล ซึ่งท่านมีภาวะโรคหัวใจรั่วด้วย และไม่ค่อยได้มีญาติมาเยี่ยมบ่อยนัก
นายชัยชนะ กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมวอร์ด ผู้ป่วยชั้น 14 ซึ่งเป็นอาคารที่พักผู้ป่วยนายทักษิณ พร้อมกับ พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ นายแพทย์ สบ 7 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งได้รับรายงานว่า ขณะนี้มีนักโทษเข้ารับการรักษาตัว ที่โรงพยาบาลตำรวจแบบค้างคืนเพียงรายเดียว คือนายทักษิณ ชินวัตร ที่เหลือก็เป็นผู้ต้องขังที่เดินทางไปเช้า-เย็นกลับ
ตามระเบียบโรงพยาบาลตำรวจอนุญาตให้เข้าเพียงชั้น 14 บริเวณหน้าวอร์ดพยาบาล ซึ่งมีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่และสันติบาล รวม 8 นาย
จากนั้นได้ลงมาชั้น 7 อาคารเดียวกันเพื่อดูขั้นตอนการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่มาเข้ารับการรักษา พร้อมยืนยันว่าการพบนักโทษที่เข้ารับการรักษาตัว ต้องเป็นเป็นไปตาม พ.ร.บ.ส่วนบุคคล ไม่สามารถเปิดเผยได้
ซึ่งการเดินทางมาครั้งนี้ ถือว่าเป็นการทำหน้าที่เพื่อให้สังคมคลายข้อสงสัย สิ่งที่ทำได้ตามกรอบ กฎหมายรัฐธรรมนูญคือการได้พบเจ้าหน้าที่
อ่านข่าว : จับกระแสการเมือง : “ทักษิณ” แดนสนธยาชั้น 14 รพ.ตร. “ราชทัณฑ์” จำเลยยุติธรรม 2 มาตรฐาน
ส่วนที่นายทักษิณ จะรักษาตัวที่นี่จริงหรือไม่ขอให้กรมราชทัณฑ์เป็นผู้ชี้แจง เนื่องจากก่อนหน้านี้ยืนยันว่า เป็นเรื่องของ พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล วันนี้เดินทางมาเพื่อดูว่าขั้นตอนการปฏิบัติเท่าเทียมกับผู้อื่นด้วยหรือไม่
นายชัยชนะ ระบุว่าขั้นตอนการรักษารวมถึงโรคต่างๆ ทางกรมราชทัณฑ์ได้ทำหนังสือชี้แจงแล้วก่อนหน้านี้ซึ่งมีหลายโรค แต่ กมธ.ตำรวจได้เข้ามาตรวจสอบเพื่อดูเพียงขั้นตอนปฏิบัติกับนักโทษเท่านั้น และไม่ขอก้าวล่วงการรักษาของแพทย์ หน้าที่คือการเข้ามาหาข้อเท็จจริง
ซึ่งจะต้องไปถามทางกรมราชทัณฑ์ ว่าเอกสารที่ตนขอไป เรื่องผู้คุมที่มาปฏิบัติหน้าที่ มีการเปลี่ยนเวรอย่างไร รวมไปถึงค่ารักษาพยาบาล ที่มีการแจ้งว่าใช้สิทธิ์ สปสช. หากเกินสิทธิ์สามารถใช้ส่วนตัวได้หรือไม่เข้าตามหลักเกณฑ์ข้อใด รวมไปถึงสำเนา “รท 101” กรอกประวัติก่อนเข้าเรือนจำได้มีการมีการทำแล้วหรือไม่ แต่ส่วนของโรงพยาบาลตำรวจได้ทำครบถ้วนตามกระบวนการแล้ว พร้อมกับระบุว่าสิ่งใดที่กรมราชทัณฑ์ให้ได้ก็ขอให้ตอบมา เพราะขอเพียงขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎหมาย
นายชัยชนะ กล่าวว่า ไม่ขอระบุว่า เชื่อได้หรือไม่ ที่นายทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 ต้องให้กรมราชทัณฑ์เป็นผู้ยืนยันเอง เพราะตนเองไม่เห็น ระบุว่าไม่มีข้อข้องใจกับโรงพยาบาลตำรวจแล้ว เหลือเพียงกรมราชทัณฑ์ที่ตนขอเอกสารไป กรรมาธิการการตำรวจต้องได้รับ และการมาในวันนี้ถือว่าไม่ผิดหวัง เพราะถือว่าได้ไปชั้น 14 ย้ำว่ากรอบอำนาจหน้าที่ให้ไว้ และความตั้งใจที่จะมาทำงาน เป็นไปตามแผน
นายชัยชนะ ระบุอีกว่านายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ผิดอะไร แต่ถ้ากรมราชทัณฑ์ต้องการเป็นจำเลยสังคมในเรื่องนี้ กรมราชทัณฑ์ก็ต้องชี้แจงกับสังคมให้เข้าใจ ถ้าเมื่อไหร่ที่ชี้แจงไม่เข้าใจจำไว้เลย ว่าจำเลยของสังคมก็คือกรมราชทัณฑ์ ส่วนโรงพยาบาลตำรวจต้องยอมรับว่าที่ทำในวันนี้ถูกต้องที่สุด ทั้งให้ความร่วมมือให้ข้อเท็จจริง จึงอยากฝากสื่อมวลชนไปถามอธิบดีกรมราชทัณฑ์
ในช่วงท้าย นายชัยชนะ ยังฝากไปถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง จัดสรรงบประมาณมาให้โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากมีกล้องวงจรปิดเสียเป็นจำนวนมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
กมธ.ตำรวจ ลั่นแค่ไหนแค่นั้น รพ.ตำรวจ ให้สุดชั้น 6 ไม่ถึง “ทักษิณ”