หน้าแรก Voice TV จับตาลองโควิด-ผลกระทบวัคซีน พบยอดผู้เสียชีวิต สูงกว่าช่วงการระบาด

จับตาลองโควิด-ผลกระทบวัคซีน พบยอดผู้เสียชีวิต สูงกว่าช่วงการระบาด

72
0
จับตาลองโควิด-ผลกระทบวัคซีน-พบยอดผู้เสียชีวิต-สูงกว่าช่วงการระบาด

แถลงการณ์ร่วมต่อสถานการณ์อาการ Long Covid-19 และผลกระทบจากวัคซีน ชี้มีความผิดปกติของยอดผู้เสียชีวิต หลังการแพร่ระบาด

ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ โรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ออกแถลงการณ์ร่วมต่อสถานการณ์อาการ Long Covid-19 และผลกระทบจากวัคซีน

เนื่องในโอกาสที่ ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ลงนามความร่วมมือทางด้านวิชาการและการวิจัยร่วมกับวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตในวันที่ 15 มกราคม 2567 จึงเห็นสมควรที่จะต้องแจ้งถึงสถานการณ์ในเรื่องภาวะลองโควิด-19 และผลกระทบต่อวัคซีนโควิด-19 ต่อพี่น้องประชาชน ดังนี้

ประการแรก จากการที่มีประชาชนชาวไทยและทั่วโลกกำลังได้รับผลกระทบจากภาวะต่อเนื่องหลังการติดเชื้อโรคโควิด-19 หรือได้รับผลกระทบจากการได้รับวัคซีนในหลายมิติ เป็นผลทำให้มีประชาชนกลุ่มดังกล่าวเสียชีวิต หรือมีสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอลง หรือส่งผลต่อคุณภาพชีวิตแย่ลง เป็นเรื่องที่เป็นความจริงทั้งสิ้น

ประการที่สอง อาการที่เกิดขึ้นที่ทอดยาวเป็นเวลานานเกินกว่าสามเดือนหลังจากติดเชื้อโควิดที่เรียกว่าลองโควิด (Long Covid) โดยมีทั้งอาการทางระบบหัวใจและปอด ระบบสมองประสาทและกล้ามเนื้อ ภาวะที่มีการอักเสบของผิวหนัง เส้นเอ็นพังผืด กล้ามเนื้อ ข้อต่างๆ ตลอดจนการปะทุขึ้นของโรคที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหรือโรคที่สงบไปแล้ว รวมทั่งมะเร็งและการเกิดเริม งูสวัดซึ่งไวรัสเหล่านี้เป็นไวรัสที่ซ่อนอยู่ในร่างกายจากการติดเชื้อเนิ่นนานมาแล้ว และถูกกดไม่ให้แสดงตัวออกมาจากการควบคุมของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของร่างกาย และยังรวมถึงการนอนหลับที่ผิดปกติ หลับยากหลับกระท่อนกระแท่น จนถึงฮอร์โมนแปรปรวนทั้งผู้ชายและผู้หญิง

ประการที่สาม มีขบวนการปกปิดข้อมูลและข้อเท็จจริงของผู้ที่ได้รับผลกระทบและเสียชีวิตจากวัคซีนทำให้ตัวเลขการรายงานผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนต่ำกว่าความเป็นจริง รวมถึงการปิดกั้นข้อมูลข่าวสารจากโซเชียลมีเดียและแอพลิเคชั่นในหลายระบบ ทำให้มีประชาชนอีกจำนวนมากยังไม่ทราบว่าตัวเองได้รับผลกระทบจากวัคซีน จึงทำให้ไม่สามารถหาแนวทางการรักษาตัวเองที่ถูกต้องได้

ในขณะเดียวกัน “กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ” ได้รวมตัวกันนำเสนอรายงานสถิติการเสียชีวิตของคนไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ (Excess Deaths) ในปี 2565 และ ปี 2566 ทั้งๆ ที่เป็นช่วงที่โรคโควิด-19ได้หยุดการระบาดไปแล้ว โดยสถิติอัตราการเสียชีวิตของคนไทยในปี 2565 และ 2566 นั้น สูงเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงก่อนการเกิดโรคระบาด และมากกว่าช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการสืบสวนการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกตินั้น มีสัดส่วนอันเนื่องมาจากผลกระทบของวัคซีนมากเพียงใด

เพราะในรายงานการวิจัยสถิติในต่างประเทศพบว่า มีผู้ที่เสียชีวิตจากวัคซีนโควิด-19 จริง และในผู้เสียชีวิตเหล่านี้ได้รับความเสียหาย ต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางโลหิตวิทยา ระบบทางเดินหายใจ หรือหลายระบบพร้อมกัน และมีการประเมินว่าการตายจากวัคซีนที่รายงานเข้าในระบบ VAERS (Vaccine Adverse Event Reporting System) ของสหรัฐอเมริกาต่ำกว่าความจริงกว่า 20 เท่าตัว

ประการที่สาม มีขบวนการปกปิดข้อมูลและข้อเท็จจริงของผู้ที่ได้รับผลกระทบและเสียชีวิตจากวัคซีนทำให้ตัวเลขการรายงานผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนต่ำกว่าความเป็นจริง รวมถึงการปิดกั้นข้อมูลข่าวสารจากโซเชียลมีเดียและแอพลิเคชั่นในหลายระบบ ทำให้มีประชาชนอีกจำนวนมากยังไม่ทราบว่าตัวเองได้รับผลกระทบจากวัคซีน จึงทำให้ไม่สามารถหาแนวทางการรักษาตัวเองที่ถูกต้องได้

ในขณะเดียวกัน “กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ” ได้รวมตัวกันนำเสนอรายงานสถิติการเสียชีวิตของคนไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ (Excess Deaths) ในปี 2565 และ ปี 2566 ทั้งๆ ที่เป็นช่วงที่โรคโควิด-19ได้หยุดการระบาดไปแล้ว โดยสถิติอัตราการเสียชีวิตของคนไทยในปี 2565 และ 2566 นั้น สูงเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงก่อนการเกิดโรคระบาด และมากกว่าช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการสืบสวนการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกตินั้น มีสัดส่วนอันเนื่องมาจากผลกระทบของวัคซีนมากเพียงใด

เพราะในรายงานการวิจัยสถิติในต่างประเทศพบว่า มีผู้ที่เสียชีวิตจากวัคซีนโควิด-19 จริง และในผู้เสียชีวิตเหล่านี้ได้รับความเสียหาย ต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางโลหิตวิทยา ระบบทางเดินหายใจ หรือหลายระบบพร้อมกัน และมีการประเมินว่าการตายจากวัคซีนที่รายงานเข้าในระบบ VAERS (Vaccine Adverse Event Reporting System) ของสหรัฐอเมริกาต่ำกว่าความจริงกว่า 20 เท่าตัว

พยาบาลจุฬาลงกรณ์ ร่วมกับภาควิชาอายุรศาสตร์และสาขาประสาทวิทยาคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบข้อมูลจากการติดตามผลของผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งจากโรคโควิด-19 ในผู้ที่ฉีดวัคซีนในประเทศไทยเกือบ 100 รายในระยะเวลา 1 ปี พบค่าการอักเสบและโปรตีนที่แสดงให้เห็นว่าเกิดภาวะสมองเสื่อม ทั้งที่ยังไม่มีอาการและมีอาการแล้ว หรือแม้แต่ยังมีร่องรอยภาวะโรคสมองเสื่อมดำเนินต่อไปหากมีปัจจัยกระตุ้นแม้จะมีอาการป่วยดีขึ้นแล้วก็ตาม ซึ่งจะสร้างปัญหาต่อประชากรกลุ่มนี้ต่อไปในอนาคต หากไม่รู้ตัวหรือไม่ได้หาหนทางในการป้องกันหรือเยียวยาเพื่อลดความเสี่ยงลงด้วยคำแนะนำอย่างถูกต้อง

ประการที่ห้า นักวิจัยจากคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เผยแพร่รายงานเอาไว้ในวารสาร Nature Scientific Report เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2566 ได้กล่าวถึงประเด็นการฉีดวัคซีนหลังเข็มที่ 3 ว่าอาจจะทำให้ภูมิคุ้มกันชนิด T-Cell หมดแรง นั่นหมายความว่าการฉีดวัคซีนมากเกินไปอาจทำให้ร่างการมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลงได้

ประการที่หก สำหรับประชาชนที่สงสัยว่าสุขภาพร่างกายของตัวเองอ่อนแอลงไม่หมือนเดิม อันเนื่องมาจากภาวะลองโควิด-19 หรือไม่ หรือสงสัยว่าจะได้รับผลกระทบจากวัคซีนหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ จะทำการสร้างเครือข่าย รับข้อมูลจากประชาชน

ประการที่เจ็ด สำหรับแนวทางการรักษาทั้งจากภาวะลองโควิด-19 หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนในปัจจุบัน ได้มีการดำเนินการรักษาอยู่แล้วทั้งในวงการแพทย์แผนปัจจุบัน การแพทย์ทางเลือก ธรรมชาติบำบัด ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร การใช้สมุนไพร และตำรับยาตลอดจนหัตถการทั้งการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนจีน ซึ่งวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต จะร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะรวบรวมกรรมวิธีการเยียวยาและรักษา ทำการวิจัย และเผยแพร่ให้ประชาชนทราบในโอกาสต่อไป

ทั้งนี้ ขอเรียนเชิญแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ แพทย์แผนจีน หมอพื้นบ้าน เภสัชกรผู้รักชาติทั้งหลาย ได้ร่วมกันระดมเสนอหนทางจากประสบการณ์ตรงและให้ข้อมูลการช่วยเหลือและรักษาผู้ที่เป็นภาวะลองโควิด-19 และผู้ที่ได้รับผลกระทบของวัคซีน เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุดอย่างเป็นระบบและเข้าสู่เป็นงานวิจัยต่อไป

ประการที่แปด นอกจากขบวนการปกปิดข้อมูลแล้ว สังคมไทยควรตระหนักถึงความเสี่ยงอันตรายและรู้เท่าทันความเสี่ยงจากงานวิจัยในประเทศไทยที่สนับสนุนโดยทุนต่างชาติเพื่อหาหนทางการตัดต่อพันธุกรรมไวรัสจากค้างคาวเพื่อให้กลายเป็นเชื้อไวรัสในมนุษย์ อาจกลายเป็นการเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนบางกลุ่มที่ต้องการแสวงหาผลกำไรและความมั่งคั่งจากทำให้เกิดการแพร่ระบาดโรคระบาดสร้างความเสียหายต่อประชาคมโลกต่อไปในอนาคต และเห็นว่าสถาบันวิชาการในประเทศไทยควรเห็นแก่ประโยชน์ของชาติมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัวหรือผลประโยชน์ของกลุ่มทุนต่างชาติ

สถานการณ์ปัญหาจากภาวะลองโควิด-19 และภาวะผลกระทบของวัคซีน จะต้องเริ่มต้นจากการยอมรับความจริง การเปิดเผยความจริงในประโยชน์และความเสี่ยงตลอดจนผลกระทบอย่างรอบด้านเท่านั้น จะทำให้เกิดความเป็นธรรมต่อประชาชนในการตัดสินใจและสร้างความตระหนักต่อความเสี่ยงการรับวัคซีนและไม่รับวัคซีนในอนาคต 

รวมถึงทำให้ประชาชนได้รับรู้เพื่อตระหนักและรีบตรวจคัดกรองความเสี่ยงก่อนที่จะเกิดอันตรายในผลกระทบต่างๆ เพื่อทำให้เกิดการแสวงหาและรวบรวมหนทางในการฟื้นฟูสุขภาพหรือรักษาประชาชนอย่างถูกต้องต่อไป และจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลในฐานะผู้ที่สนับสนุนและรณรงค์การใช้วัคซีนมาโดยตลอด ต้องให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนอย่างเต็มที่และรวดเร็วต่อไปด้วย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่