มีแต่เรื่อง ร้อนอก ร้อนใจ ทำ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จนนั่งไม่ติดเก้าอี้ ต้องรีบเปิดห้องแถลงข่าวที่ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม ก่อนเหตุการณ์จะไปกันใหญ่ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ หลังถูกโยงว่า เป็นพี่น้องต่างมารดากับ “เฮียก้าว” หรือ “หลี่ เซิ่งเจียว” อดีตนายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย
“…ผมไม่ได้ปฏิเสธการเป็นญาติ แต่ปฏิเสธว่า ผมกับนายหลี่ ไม่ได้เป็นลูกพ่อเดียวกัน ซึ่งการบิดเบือนเรื่องนี้ เพื่อต้องการโยงให้ผมใกล้ชิดกับนายหลี่ที่สุด ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว พ่อของผมมาอยู่เมืองไทย 80 กว่าปีและไม่เคยกลับไปจีนอีกเลย…”
ถ้อยแถลงของ “เสี่ยต่อ”เฉลิมชัย ไม่ต้องบอกว่า ดุเดือดแค่ไหน เชือดนิ่ม ๆ เน้น ๆ มาแบบจัดเต็ม ๆ เพราะตั้งแต่เกิดปัญหา ดีเอสไอเข้าไปกวาดล้างไล่จับขบวนการหมูเถื่อน
และหากจะนับตัวอักษรย่อของผู้เกี่ยวพันอยู่เบื้องหลัง ระดับบิ๊กเนม ตั้งแต่ข้าราชการระดับสูง และอดีตนักการเมือง คงยากที่จะเลี่ยงพ้น
หลังจากวันก่อน “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม หอบหลักฐาน เข้าแจ้งความกับ บก.ปปป. กรณีเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการออกบัตรประชาชนให้ลูกชายและลูกสาวของเฮียเก้า “หลี่ เซิ่งเจียว” หนึ่งในผู้ต้องคดีหมูเถื่อน
โดยระบุว่า ลูกชายเฮียเก้า ได้ไปเอาชื่อบุคคลที่อยู่ใน จ.น่าน มาเป็นพ่อแม่ ส่วนลูกสาวของเฮียเก้า ได้ใช้บุคคลในกรุงเทพมหานครเป็นชื่อพ่อ ส่วนแม่เป็นคนจีน และยังไม่วายโยนระเบิดใส่ว่า มีข้าราชการระดับสูงในกลุ่มปศุสัตว์อักษรย่อ ส. และ ช. เป็นแบ็กอัพช่วยเหลือ เฮียก้าว สวมสิทธิ์หมูเถื่อนและตีนไก่เถื่อน
ขณะที่ “บิ๊กวี” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ ในฐานะรมว.ยุติธรรม ความวัวจาก “ทักษิณ ชินวัตร” ได้ต่อโปรขยายสิทธินอนรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ชั้น 14 เกินจาก 120 วันไปแล้ว ยังไม่ทันจาง
ความควายจาก 2 คดี ก็เข้าแทรก นับจากดีเอสไอ สรุปสำนวนส่ง ปปช.สอง 2 อดีต รมว.แรงงาน เรียกเก็บค่าหัวหิว ส่งแรงงานไทยไปฟินแลนด์ และคดีหมูเถื่อน ซึ่งเจ้าตัวยืนยันไม่มีมวยล้ม ต้มคนดู
แถม “บิ๊กวี” พ.ต.อ.ทวี ยังโดดป้อง ดีเอสไอ โดยออกรับแทนว่า พนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อนทำคดีอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ทำตามความรู้สึก แต่ต้องใช้พยานหลักฐานและความรอบคอบ หากสาวถึงใครก็ให้เรียกมาสอบและให้ศาลเป็นผู้ออกหมายจับ เป็นหนังม้วนยาวที่ต้องจับตาต่อไป
แต่ที่แน่ ๆ ทั้ง 2 คดีมีเจ้าภาพจองกฐินเรียบร้อยแล้ว ว่ากันว่า เปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ซึ่ง สว.อยู่ระหว่างการรวบรวมรายชื่อ อาจไปเจอมวยถูกคู่ คนดูถูกใจในสภาก็ได้ ส่วนใครจะเป็นกรรมการห้าม ให้รอลุ้น
โยนกันให้วุ่น เมื่อ “ท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ทางพรรคฯ ไม่ได้รับรายงานคดีหมูเถื่อน ที่อยู่ระหว่างการสอบสวน แม้ช่วงเวลานั้น “ประภัตร โพธสุธน”จะเป็น รมช.กระทรวงเกษตร ก็ตาม
“..ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนาจะมีการพูดคุย นำงานของรัฐมนตรีแต่ละคนในส่วนของพรรคมาพูดคุยให้กับสมาชิกพรรคฟังอยู่ตลอด ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมาทางพรรคยังไม่ได้รับรายงานต่อกรณีที่อยู่ระหว่างการสอบสวนในขณะนี้แต่อย่างใด…” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนาระบุ
หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา เชื่อว่า ไม่ใช่ประเด็นเรื่องการเมือง หรือประเด็นระหว่างพรรคต่อพรรค เพราะพรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทยพัฒนา ทำงานด้วยกันมาโดยตลอด ดังนั้น จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคิดว่าทางกระทรวงเกษตรต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกันภายใน
ไปต่อไม่รออีกคน สมชาย แสวงการ โพสต์เฟซบุ๊ก สว.ยื่นขอเปิดอภิปราย รายชื่อครบแล้ว 91 สว. รวบรวมรายชื่อ เพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ เกิน 1 ใน 3 แล้ว และในวันนี้จะมี สว.บางส่วนทยอยลงลายมือชื่อเพิ่มเติมอีก ก่อนจะยื่นต่อประธานวุฒิสภาเพื่อให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมาชี้แจงต่อที่ประชุมวุฒิสภาโดยเร็วต่อไป
ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 “สมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา มีสิทธิเข้าชื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ”
นับจากนี้ คงต้องรอดูว่า การขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดย สว. จะกำหนดวันดีเดย์ได้วันไหน
ปิดท้ายด้วยเรื่องน่ารักของเจ้าตูบ ช่วยชาติ เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ศูนย์ฝึกสุนัขตำรวจกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน มีการอบรมหลักสูตรผู้บังคับสุนัขตำรวจ รุ่น 9/2567 มีการฝึกให้สุนัขให้เชื่อฟังคำสั่งเบื้องต้น จดจำกลิ่น
และแจ้งเตือนภายใน-นอก อาคาร ฝึกค้นหาคาบของ 4 ขั้นตอน และจดจำกลิ่นขั้นต้น นอกสถานที่ ฝึกสะกดรอยขั้นกลางและยังมีการฝึกตรวจวัตถุระเบิดขั้นต้นไปแล้ว
ล่าสุดวันนี้ ( 16 ม.ค.2567) น้อง K-9 สุนัขตำรวจ โชว์ความน่ารักต้อนรับวันครู มีพานดอกดาวเรืองไหว้ครูฝึก