ฤกษ์ดีของ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้นัดถกอย่างเป็นทางการ ถึงแนวทางและทิศทางในการทำงานร่วมกัน หลังจากต้องรอ “ชัยธวัช ตุลาธน” ผู้นำฝ่ายค้าน มานานพอสมควร โดยมีตัวแทนจากพรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมประชุมอย่างคึกคัก
โดย “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรค เข้าแสดงความยินดีพร้อมมอบแจกันดอกไม้ให้ “ชัยธวัช” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ได้รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
“เสี่ยต่อ” ขอโทษที่ไม่ได้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ พร้อมขอให้การทำงานทุกอย่างราบรื่น
วงถกตั้งวางเป้าหมายนับจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานตามวาระปกติ ของสภาในแต่ละสัปดาห์ และข้อเสนอในการปรับปรุงการทำงานให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตรวจสอบงบประมาณให้โปร่งใสมีประสิทธิภาพ
ส่วนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ประเด็นเดือด ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะเดินหน้าหรือถอยหลัง เพราะคำตอบสุดท้าย หากรัฐบาลตัดสินใจยื่น พ.ร.บ.เงินกู้เข้ามาสู่สภาฯ สภาก็จะเป็นกลไกสำคัญในการตรวจสอบเรื่องนี้
แต่ถ้ารัฐบาลจะใช้วิธีอื่น ในฐานะฝ่ายค้านก็คงจะต้องเลือกวิธีการตรวจสอบถ่วงดุลเรื่องนี้ในรูปแบบอื่น และปัญหาขณะนี้คือคาดเดาไม่ได้ ว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร
สิ่งสำคัญที่สุดคือการร่วมงานร่วมในทิศทางเดียวกัน ส่วนการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล จะให้คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปค้านที่มีอยู่แล้ว ได้มีการประสานงานกันมากขึ้น เชื่อว่าการทำงานหลังจากนี้ในฐานะฝ่ายค้านจะราบรื่นมากขึ้น เสี่ยต่อ กล่าว
ชัยธวัช บอกว่า สิ่งสำคัญคือความไว้วางใจ และในการประสานงานให้เป็นเอกภาพมากกว่านี้ ก็ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาอาจจะมีช่องว่างบ้าง แต่จากนี้จะมีความเป็นเอกภาพมากขึ้นขอยืนยันว่าพรรคก้าวไกลในฐานะผู้นำฝ่ายค้านให้เกียรติและเคารพทุกพรรค และไม่มีปัญหา
ส่วนกรณีชั้น 14 โรงพยาบาลจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกำหนดทิศการทำงานของฝ่ายค้านหรือไม่ เป็นประเด็นที่ไม่พลาดที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาคุยในที่ประชุม รวมถึงที่เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ที่ฝ่ายค้านรู้สึกว่าสองมาตรฐาน
อ่านข่าว : ถก 6 พรรคฝ่ายค้าน เดินหน้าตรวจสอบรัฐบาล จับตา “ดิจิทัลวอลเล็ต”
ฟันฉับว่าต่อรอง รศ.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ม.บูรพา มองขาดว่า การกลับเข้ามาของทักษิณ ซึ่งจริงๆ ทักษิณเข้ามาอยู่แล้ว มีบทบาทตลอดแม้ตัวจะพำนักอยู่ต่างประเทศ แต่ขณะนี้จะยิ่งมีบทบาทมากขึ้น
การเมืองแบบคณาธิปไตย การต่อรองกัน จะไม่มีใครได้อะไรทั้งหมด ทักษิณอาจได้กลับบ้าน แต่หลังจากนี้ดูอาการของเพื่อไทยก็หนัก ถ้ามาเปลี่ยนม้ากลางศึกจากเศรษฐา เป็น อุ๊งอิ๊ง ก็คงจะไม่ดี กระแสตกต่ำ นโยบายขับเคลื่อนไม่ได้ ย่อมมีผลต่อการเลือกตั้ง
ณ ตอนนี้ และปล่อยให้การเมืองไปตามสภาพ นโยบายได้ไม่ได้ก็ปล่อยให้นายกฯเศรษฐารับผิดชอบไป และตัวเองมาตั้งหลักกำหนดทิศทางอนาคตในการเลือกตั้งครั้งหน้า น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ส่วนขั้วอนุรักษ์ อย่างพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าร่วมรัฐบาลเศรษฐาด้วยเงื่อนไข ด้วยความจำเป็น
รศ.โอฬาร วิเคราะห์ว่า สิ่งที่แสดงออกผ่านตัวรัฐมนตรีที่ต่างพยายามทำงานในนามพรรคของตัวเอง เว้นระยะห่างกับคำว่าภาพรวมรัฐบาลด้านหนึ่งสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจ แต่ละพรรคที่ยังสงวนท่าทีพอสมควรในการร่วมไม้ร่วมมือกัน และมาเจอสถานการณ์ตอนนี้
คิดว่ามีทางเป็นไปได้ที่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของ 2 พรรคลุงในการฮึดสู้ ซึ่งทำไมเป็นโอกาสสุดท้าย เนื่องจาก สว.ชุด คสช. หมดอายุ 11 พ.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการปิดประตูตายของ 2 พรรค
อ่านข่าว : “ทักษิณ” ไม่ได้อยู่คอนโด แพทย์ชี้ป่วยจริง “ใครจะกล้าให้กลับราชทัณฑ์”
หลังจากที่ทักษิณ อยู่ระหว่างรักษาตัวนอกเรือนจำ โดยทุกห้วงเวลานับตั้งแต่รักษาตัวครบ 30 วัน ครบ 60 วันและเกินกว่า 120 วัน เป็นไปตามขั้นตอนที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์จะต้องมีความเห็นและรายงานไปตามลำดับชั้น ซึ่งทั้งปลัดกระทรวงยุติธรรม และ รมว.ยุติธรรม ได้เซ็นรับทราบการอนุญาตนอนพักรักษาตัวนอกเรือนจำของนายทักษิณ ถือว่าเข้าเงื่อนไขและปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย
เชื่อมั่นว่านายทักษิณนอนพักที่ รพ.ตำรวจ จริง ไม่ได้อยู่ที่คอนโดฯ อย่างที่สังคมเคลือบแคลงสงสัยแน่นอน สมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ปรึกษา รมว.ยุติธรรม กล่าว
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราชทัณฑ์ได้ประชุมและรายงานต่อคณะกรรมการราชทัณฑ์ให้รับทราบถึงการดำเนินการ เพราะกฎกระทรวงกำหนดให้กรมราชทัณฑ์ต้องออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566
รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงประเด็นโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ ว่า เรื่องนี้เป็นประโยชน์ของผู้ต้องขังที่มีสิทธิ์ได้รับ แต่การพิจารณาว่าผู้ต้องขังรายใดจะเข้าเกณฑ์โครงการดังกล่าวนั้น ผู้บัญชาการเรือนจำแต่ละแห่งจะเป็นผู้พิจารณาคุณสมบัติและความเหมาะสม ทั้งแบบกรณีมีเหตุพิเศษและแบบปกติ ซึ่งผู้ต้องขังไม่สามารถเสนอตัวเองได้
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ยังไม่ได้รับรายงานจาก ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ถึงประเด็นรายชื่อทักษิณ ว่าเข้าเกณฑ์โครงการพักการลงโทษหรือไม่
คุณสมบัติทักษิณ หากดูจากหลักเกณฑ์ที่ว่าเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นกลาง สูงวัยและมีอาการเจ็บป่วย ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการพิจารณาในโครงการพักการลงโทษ กรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป
ด้านชัยชนะ เดชเดโช สส.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตอนนี้ทางกรรมาธิการตำรวจฯ ต้องรอหนังสือจากกรมราชทัณฑ์ทั้งหมดที่ทำส่งไป เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2566 ถ้าภายในเดือนนี้ไม่ตอบกลับมาก็ต้องส่งหนังสือติดตามไปอีกครั้ง
กรมราชทัณฑ์ยอมรับว่าที่ไม่เรียกนายทักษิณว่า “นักโทษชาย” เนื่องจากไม่ได้โดนคุมขัง ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และยังไม่ได้นับโทษ เพราะฉะนั้นหากตีความแบบนี้ทักษิณได้รับโทษแล้วหรือไม่ ซึ่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์จะต้องชี้แจง ต่อสังคมให้ชัดเจน
อ่านข่าว : “ชัยชนะ” แนะอธิบดีกรมราชทัณฑ์ แจงสังคมให้ชัดกรณี “ทักษิณ”
จากการแถลงของฝ่ายการเมืองในกระทรวงยุติธรรมยังไม่ชัดเจนว่าเป็นการพักโทษพิเศษหรือไม่ แต่ สว.สมชาย แสวงการ ออกโรงเตือน พร้อมยืนยันว่าจะต้องยึดพระราชบัญญัติราชทัณฑ์เป็นหลัก รวมถึงสถานที่คุมขังจะต้องพิจารณาว่าบ้านพักเข้าหลักเกณฑ์สถานที่คุมขังหรือไม่
ต้องอย่าลืมว่าทักษิณได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมยอมรับผิดและขอรับโทษตามขั้นตอน และศาลได้ตัดสินจำคุก 8 ปี ก่อนได้รับพระราชทานลดโทษเหลือ 1 ปี ก็ควรจะเดินไปตามกระบวนการยุติธรรมปกติไม่ควรขอสิทธิ์อะไรเพิ่มเติมอีก
วันนี้อย่าทำให้เกิดวิกฤตศรัทธาเมื่อศาลพิพากษาลงโทษแล้วก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการที่ถูกต้อง ซึ่งการที่ฝ่ายการเมืองออกมาแถลงแบบนี้ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าต้องการดำเนินการเป็นพิเศษที่มากกว่าหลักเกณฑ์ปกติ ขอให้ระวัง
วันนี้สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมที่ปฏิบัติไม่เสมอภาคมีการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ผู้ที่จะถูกดำเนินคดีก็คือเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำให้เกิดปัญหา
อ่านข่าวอื่น :
“ราชทัณฑ์” รับ “ทักษิณ” เข้าเกณฑ์พักโทษกรณีพิเศษ
จับกระแสการเมือง : 17 ม.ค.2567 “ศักดิ์สยาม” ตกสวรรค์ คิวต่อไป “พิธา-ก้าวไกล”