พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบเงินเยียวยา ครอบครัวผู้เสียชีวิตเหตุพลุระเบิด
23 ม.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะ เดินทางมาที่ หอประชุมเอนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตำบลศาลาขาว เพื่อมอบเงินเยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญา กรณีโรงงานผลิตพลุระเบิด จังหวัดสุพรรณบุรี ภายในกิจกรรม คุ้มครองคน คุ้มครองสิทธิ : เพื่อสร้างวิถีชีวิตแห่งความเป็นธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 22 ราย รายละ 200,000.- บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,400,000.- บาท โดยมึ ณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี และเอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ให้การต้อนรับ กล่าวรายงาน และมีสรชัด สุจิตต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคชาติไทยพัฒนา มาร่วมให้การต้อนรับด้วย
พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า “ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จากเหตุการณ์พลุระเบิดในครั้งนี้ สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาครั้งนี้ ครอบครัวผู้เสียชีวิต จะได้รับเงินเยียวยารายละ 200,000.- บาท ซึ่งถ้าจะพูดถึงตัวเงิน มันไม่สามารถแลกกับชีวิตที่ต้องสูญเสียไปได้ แต่ว่าเป็นการแสดงความตั้งใจเบื้องต้นของรัฐบาล ที่อยากจะสื่อสารให้ทราบ เพราะว่า กฎหมายฉบับนี้ เกิดขึ้นมาจากแนวคิดของรัฐธรรมนูญ ฉบับปี ‘40 ที่อดีตนายกรัฐมนตรี บรรหาร ศิลปอาชา ได้ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง (คปก.) ขึ้นมา และนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญ กลายเป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่เป็นที่มาของกฎหมาย มีเงินเยียวยาตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 ซึ่งในอดีตก่อนปี 2544 ไม่มีกฏหมายนี้ เคยจำเหตุการณ์สมัย พล.อ.ชาติชาย เป็นนายกรัฐมนตรี มีเหตุการณ์อุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วง 2 คัน ขนเชื้อปะทุหรือแก๊ป ระเบิด ราวปี 2534 มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 170 ชีวิต และบาดเจ็บมากกว่า 100 คน บ้านเรือนได้รับความเสียหายจำนวนมาก แต่ครั้งนั้นไม่มีกฏหมาย ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลย เช่นวันนี้ จึงต้องใช้ช่องทางรับบริจาค และมติ ครม. ช่วยเหลือ ซึ่งวันนี้ มีกฏหมายที่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่ทุกคนได้รับ การช่วยเหลือของกระทรวงยุติธรรม จากรัฐบาลในเบื้องต้นครับ ส่วนรายผู้เสียชีวิต 1 ราย ที่เป็นเจ้าของโรงงานนั้น เนื่องจากต้องรอความชัดเจนจากพนักงานสอบสวนว่าบุคคลดังกล่าว หากผลปรากฏว่าไม่เกี่ยวข้อง สำนักงานยุติธรรมจังหวัดฯ จะนำเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณาในรอบต่อไปครับ“