ผมกลับมาแล้วท่านประธาน
“ทิม” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวเป็นประโยคแรก ทักทาย “รองอ๋อง” นายปดิพัทธ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ขณะลุกขึ้นอภิปรายในประเด็นในการแก้ไขปัญหาขยะ
“ทิม” พิธา แสดงตนประกาศนัยทางการเมือง “I’m Back” หวนคืนสู่สภาสด ๆ ร้อน ๆ หลังศาลรัฐ ธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย ไม่พ้นสมาชิกภาพ สส.กรณีถือหุ้นไอทีวี โดยเหตุผลสำคัญ คือ “ไอทีวี” ไม่ใช่สื่ออีกแล้ว แต่กระนั้น ถูกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตั้งคำถามว่า เหตุใดจึงไม่โอนหุ้นตั้งแต่ปี 2562 และปล่อยให้ล่วงเลยมาจนถึงปี 2566
รวมถึงการตำหนิ “พิธา” ถึงกรณีการให้ความเห็นเกี่ยวกับการวินิจฉัยคดีดังกล่าว ว่า “ไม่เหมาะสม” ในระหว่างการนั่งฟังคำวินิจฉัย
ขณะที่ ลุงตุ๊ “อดิศร เพียงเกษ” ประธานวิปรัฐบาล และ สส.พรรคเพื่อไทย เจ้าของบทกลอน ข้าวต้มมัด “เพื่อทำไทย- ก้าวไกล” อันโด่งดัง ก็ไม่ว่ายแต่งกลอน ต้อนรับ “พิธา” ที่หวนคืนสภาฯ
“ยินดีต้อนรับกลับคืนบ้าน มีคนหาญห้ามหวงทวงปัญหา บัดนี้ ผ่านล่วง บ่วงมายา ฝ้ายผูกแขน “พิธา”…มาเด้อขวัญเอย… “
บัดนี้ จึงเสมือน ฟ้าเปิด “พิธา” ได้กลับเข้ามาทำหน้าที่ในสภาฯอีกครั้ง หลังมีคำสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ สส.ตั้งแต่เดือน ก.ค.66 ที่ผ่านมา หรือ ผ่านมากว่า 6 เดือน
ภารกิจสำคัญ ที่ “พิธา” วางไว้คือ การเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในช่วง เม.ย.นี้ โดยพุ่งเป้า 3 ประเด็น คือ การทุจริต, บริหารงานล้มเหลว และ ทำงานล่าช้า
แต่ก็ใช่ว่า จะเดินหน้าทำงานอย่างฉลุย ไร้รอยต่อเสียทีเดียว เพราะวันที่ 31 ม.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยกรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ ม.49 ว่าการกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 2 เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. … เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งและยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ ม.49 วรรค 1 หรือไม่
หลังหายใจได้โล่งคอรอดคดีถือหุ้นสื่อ แต่สำหรับคดีหาเสียงโดยใช้นโยบายแก้ ม.112 นั้น “พิธา” ให้สัมภาษณ์ว่า เตรียมการไว้แล้ว แม้ผลลัพธ์จะออกมาในแนวทางที่แย่ที่สุด แต่ พรรคก้าวไกลจะสามารถบริหารจัดการได้ ไม่ได้ทำให้ภาพรวมใหญ่ทั้งปีต้องสะดุดลง
ขณะที่บรรยากาศความเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย เมื่อ”เดอะโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากการเป็น รมว.จากปมถือหุ้นเอกชน และต่อมาเจ้าตัวก็ลาออกจาก สส. และตำแหน่งเลขาธิการพรรค
ไม่นานก็มีกระแสว่า จะมีการดัน “หลานนก” วัย 32 ปี นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ลูกชาย “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย มาเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ แทน “เดอะโอ๋” โดย “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ก็ไม่ได้มีท่าทีปฎิเสธ แต่ออกตัวว่า ขึ้นอยู่กับมติกรรมการบริหารพรรค ซึ่งจะประชุมในช่วงเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้ พร้อมให้ความเห็นว่า
ถ้าถามผม ก็ต้องสนับสนุนหลานผม แต่ถือเป็นความคิดส่วนตัว เพราะทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้บริหารของพรรค เมื่อถึงเวลานั้นอาจมีผู้เสนอตัวหลายคน ก็ต้องมาแสดงวิสัยทัศน์และแข่งขันกัน
ส่วนปมดังกล่าวจะสะเทือนถึงขึ้นยุบพรรค เหตุเพราะ”ศรีสุวรรณ จรรยา”นักร้อง เตรียมยื่นเรื่องให้ กกต.ยุบพรรค หรือไม่นั้น “เสี่ยหนู” ไม่หนักใจ แต่บอกว่า ต้องแยกให้ชัดเจนระหว่างเรื่องพรรคกับเรื่องส่วนตัว และสิ่งที่พรรครับรู้ รับทราบ ในปัจจุบันนี้ไม่มีตรงไหนที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และหากมีอะไรเกิดขึ้น ก็พร้อมจะพิสูจน์ข้อกล่าวหา
แล้วก็เจอดี เมื่อตำรวจ ปปป.บุกรวบ “ศรีสุวรรณ” คาบ้านพักย่านปทุมธานี ข้อหาเรียกรับผลประโยชน์จากอธิบดีกรมการข้าวกว่า 3 ล้านบาท ยังไม่พอ แถมพ่วง “เจ๋ง ดอกจิก” ยศวริศ ชูกล่อม ผู้ช่วยหาเสียงพรรครวมไทยสร้างชาติ และ “ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ” และอดีตผู้สมัคร สส.ทำให้ “บิ๊กตุ๋ย” พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.พลังงาน และหัวหน้าพรรค รทสช.ตูดไม่ติดเก้าอี้ โทรประสาน “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.นำตัว 2 ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามอบตัวทันที
อีกด้าน ที่สอดรับกับการเตรียมเปิดศึก ซักฟอกรัฐบาล ของ”ก้าวไกล” นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร ที่ต้องพักเบรกรักษาตัวจากอาการป่วยจากเครียดสะสม ได้้กลับมาลุยทางการเมืองเต็มตัวอีกครั้ง แถมยังประกาศกร้าว เล็งเป้าไปที่ “บิ๊กทิน” นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม โดยสำทับว่า กองทัพไม่ให้ความร่วมมือกับ กมธ.ทหาร และนายสุทิน ต้องเจอซักฟอก อย่างเลี่ยงไม่พ้น หากยังไม่ส่งข้อมูลให้ กมธ.
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่า “ก้าวไกล” จะเปิดฝ่ายเปิดเกมรุกไล่ ฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น อีกด้านหนึ่ง ตัวแทนเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร ได้ยื่นเรื่องสภาฯ ขอให้ตรวจสอบ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา กรณีไม่ได้รับการตรวจเลือกคัดเลือกทหาร หรือหนีทหารหรือไม่ และอาจจะนำไปสู่การยื่นถอดถอนให้พ้นจาก สส.ต่อไป หากพบว่ามีความผิดจริง
ด้านผู้นำรัฐบาลอย่าง “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน ก็ไม่ทิ้งมาดเซลล์แมน กล่าวเอ่ยเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย จีน และต่างชาติ ให้มาท่องเที่ยวประเทศไทย ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ใกล้จะมาถึง เป็นภาษาจีนว่า “จงไท่อี้เจียชิน” แปลเป็นไทยว่า “จีน-ไทย ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ก่อนส่งท้ายสัปดาห์ด้วย สถานการณ์ทางการเมืองที่สงบเงียบ
ก่อนที่จะมีวาระร้อนให้บรรดาคอการเมือง ได้ติดตามกันอีกครั้ง ในช่วงบ่ายของวันที่ 31 ม.ค.67 นี้กับคดีของนายพิธาและพรรคก้าวไกล ใช้นโยบาย แก้ไข ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่…อย่างระทึกในดวงฤทัย
อ่านข่าวอื่น ๆ
ตำรวจ ปปป.ซ้อนแผนจับ “ศรีสุวรรณ” เรียกรับ 1.5 ล้าน “อธิบดีกรมการข้าว” แลกไม่ยื่นร้องเรียน
