วันนี้ (31 ม.ค.2567) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม หลังเปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อนเสร็จสิ้น นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการวิปรัฐบาล ขอเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุม โดยขอให้นำญัตติที่ 5.50 เรื่องขอให้สภาฯ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ขึ้นมาพิจารณาต่อจากกระทู้ทั่วไปในการประชุมสภาฯ วันที่ 1 ก.พ.นี้
นายศรัณย์ ระบุเหตุผลและความจำเป็น ว่า ขณะนี้หลายฝ่ายให้ความสนใจ ไม่ว่าจะในสภาฯ นอกสภาฯ หรือภาคประชาชน ขณะเดียวกันสิ่งที่หลายฝ่ายกำลังคุยกันก็มีความเห็นที่แตกต่าง แต่ทุกฝ่ายที่เห็นว่าควรจะมีกฎหมายนิรโทษกรรมเกิดขึ้นนั้นมีความเห็นที่ยังแตกต่างกันในหลายประเด็น ทางรัฐบาลและผู้เสนอญัตติ จึงมองว่าการที่จะให้ใช้พื้นที่สภาฯ เป็นพื้นที่กลางในการพูดคุย อย่างน้อยให้ทุกคน ทุกกลุ่ม ที่ต้องการจะเสนอกฎหมาย ได้มีพื้นที่มาคุยกัน ทำให้สามารถผลักดันกฎหมายให้เกิดขึ้นจริง และหาจุดร่วมกันได้
ด้านนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ถึงเวลาที่สังคมไทยต้องทบทวนการทำกฎหมายนิรโทษกรรม แต่เมื่อพิจารณาจากที่มีการเผยแพร่ออกมา มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน 3 เรื่อง คือ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง พ.ศ. นำเสนอโดยนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กับคณะ, ร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวเนื่องกับการนิรโทษกรรม จากผู้แทนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ประธานสภาฯ รับไว้แล้ว และภาคประชาชนและไอลอว์ จะเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในเดือน ก.พ. ซึ่งในทางกฎหมาย เวทีสภาฯ เป็นเวทีที่มาพูดคุยกัน ตนเองเชื่อมั่นว่าเรามีความพร้อมที่จะมีการพูดคุย และเชื่อมั่นว่าท้ายที่สุดจะนำไปสู่การออกกฏหมายนิรโทษกรรม
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า หากเลื่อนญัตติดังกล่าว ก็เชื่อมั่นว่าสภาฯ น่าจะรับหลักการและนำไปสู่การตั้ง กมธ.วิสามัญฯ แต่ผู้ที่ถูกจำคุก และผู้ที่ได้รับผลกระทบอาจรอไม่ได้ จึงขอให้เร่งดำเนินการ โดยมีกรอบระยะเวลาในการพิจารณาญัตติ มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะนำไปสู่สังคมที่กลับคืนสู่ระบบปกติ ส่วนตัวเห็นด้วยที่จะเลื่อนญัตติ และเห็นตรงกันว่าหากพิจารณาอย่างรวดเร็วนำไปสู่การตั้ง กมธ.วิสามัญฯ และขอให้เกิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม เพราะมีข่าวว่าการจัดสรรที่นั่งใน กมธ.วิสามัญฯ สัดส่วนไม่เป็นไปตามปกติที่ควรจะเป็น จึงขอให้จัดสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน หากไม่เป็นแบบนั้นก็ต้องมาทบทวนว่าจะทำอย่างไร
ขณะที่นายพิเชษฐ์ ชี้แจงว่า สัดส่วน กมธ.วิสามัญฯ ที่จะเกิดขึ้น หากอยากให้มีผู้มีส่วนร่วมมากขึ้น ก็ขอให้วิปทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกัน เพราะสามารถเพิ่มจำนวนได้ ดังนั้นการเลื่อนญัตติดังกล่าวถือว่าไม่มีผู้ใดขัดข้อง