หน้าแรก Voice TV 'เจ๋ง​' โอด​เป็นเหยื่อการเมือง​ สาบานไม่ใช่แก๊งตบทรัพย์ หากทำขอให้มีอันเป็นไป

'เจ๋ง​' โอด​เป็นเหยื่อการเมือง​ สาบานไม่ใช่แก๊งตบทรัพย์ หากทำขอให้มีอันเป็นไป

71
0
'เจ๋ง​'-โอด​เป็นเหยื่อการเมือง​-สาบานไม่ใช่แก๊งตบทรัพย์-หากทำขอให้มีอันเป็นไป

‘เจ๋ง​’ โอด​เป็นเหยื่อการเมือง​ ยกพานธูปเทียนสาบาน​ แช่ง​ใครกล่าวหาตบทรัพย์​ให้มีอันเป็นไป​ ดึง​ ‘ธรรมนัส​’ สั่งให้ไปจัดการให้จบ​ เลิ่กลัก​ ไม่ชัดพ้นตำแหน่งคณะทำงาน ‘พีระพันธุ์’ ​เมื่อใด​ ขอ​อย่าดึงผู้ใหญ่พรรครทสช.เกี่ยว​ รับ​เข้าพบ​ ‘ไชยา​’ เพียงแสดงความยินดี หลังเข้ารับตำแหน่ง

วันที่ 1 ก.พ. ยศวริศ ชูกล่อม หรือ หรือ เจ๋ง ดอกจิก แถลงข่าวชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาร่วมกับ ศรีสุวรรณ จรรยา ตบทรัพย์ ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว จนนำมาซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ 3 ข้อหา ประกอบด้วย สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับทรัพย์หรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ ,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใดฯ และถูกตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ​ ปปป.​ และควบคุมตัวภายในทำเนียบรัฐบาล ก่อนได้รับการประกันตัว โดยยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 400,000 บาท

ยศวริศ ชี้แจงถึงเหตุการณ์​ที่เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมที่ทำเนียบรัฐบาล​ว่า เป็นการประสานเจ้าหน้าตำรวจจาก สน.ดุสิต​ พร้อมชี้แจงถึงเหตุผลที่มีการแถลงข่าวล่าช้าเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ยึดโทรศัพท์​ พร้อมกับยังระบุว่า​ ก่อนหน้าที่นี้ตน​ และ​ ศรีสุวรรณ​ จรรยา​ มีการพบข้อพิรุทจากกรมฝนหลวงและการบินเกษตร​ เพื่อตรวจสอบการใช้งบประมาณ​ จึงได้ไปร้องต่อกรรมาธิการ​ แต่ขณะเดียวจากที่ได้พูดคุยกับ ศรีสุวรรณ​ มีข้อมูลพบข้อพิรุทในกรมการข้าว​ที่มีการทุจริตจำนวนมโหฬาร​ จึงได้มีการเตรียมเอกสารเพื่อร้องให้ตรวจสอบต่อกรมการข้าว​ 

โดย ยศวริศ​ ยอมรับว่า​ มีคนสนิทซึ่งเป็นแกนนำคนเสื้อแดง​ เจรจาขอให้ไม่ร้องสอบอธิบดีกรมการข้าว เนื่องจากเป็นน้องและหนึ่งในเสื้อแดง​ จึงไม่อยากให้ไปแตะ​ เนื่องจากเกรงว่าจะมีปัญหา​โดยร้องขอให้ ยศวริศ เข้าไปดูแลแทน​ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นพรรคพวกเหมือนกันตนจึงโทรหาอธิบดีกรมการข้าว​ โดยในครั้งแรกไม่รับสาย แต่มีการนัดพบที่โรงแรมในเวลา 13.00 น.​ ก่อนจะเปลี่ยนสถานที่เจรจาเป็นห้องทำงานที่กรมการข้าว​ โดยพบว่าภายในห้องทำงานมีภรรยาอธิบดี อยู่ด้วย​ โดยระหว่างการเดินทาง ยศวริศยอมรับว่ามีการโทรตามจากอธิบดีกรมการข้าวหลายครั้ง​ โดยยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตกลงจำนวนเงิน​ตามที่เป็นข่าว​ 2 โล​(ล้าน)​ เนื่องจากมีการไปพบยังยังบ้านพักของ ศรีสุวรรณ แล้วก่อนหน้านี้​ 

ยศวริศ​ ยังยืนยันว่า​ พิมณัฏฐา​ จิระพุทธิภาคย์​ อดีตผู้สมัคร สส.อุตรดิตถ์พรรครวมไทยสร้างชาติ มีหน้าที่แค่ประสาน​ และตนเพียงเข้าไปช่วย​ ไม่ใช่แก๊งตบทรัพย์​แต่อย่างใด และตนไม่คิดเลยว่าในกรมการข้าวมีงูเห่า ซึ่งตนเป็นเพียงชาวนา​ ต้องการจบเรื่อง​ พร้อมกับมองว่าคนเราถ้าไม่ผิดไม่มีแผล​จะเคลียร์ทำไม​ ตนไม่รู้ผิดถูก​เมื่อมีข้อมูลส่อพิรุธมหาศาลก็ต้องร้องทำตามหน้าที่​ และไม่เคยได้เงินสักบาทเดียว​ ส่วนการกล่าวหาว่าเป็นแก๊งค์ตบทรัพย์ระดับชาตินั้นเลอะเทอะ​ จึงขอความเป็นธรรมเนื่องจากเกิดความเสียหายเกิดกับตน​ รวมไปถึงพี่น้องผู้ใหญ่ในพรรคเขาจะมองตนอย่างไร​ ว่าตนมาทำมาหากินกับเรื่องแบบนี๊​ ขอความเป็นธรรมกับพรรครวมไท​ยสร้าง​ชาติ​ 

ยศวริศ​ กล่าวว่า​ ตนมาช่วยเขาแท้ๆ​ หากตนร่วมขบวนการ​ ตนต้องต่อรอง​ แต่นี่ต่อรองลง​ เพื่อให้บรรยากาศที่พอดีพอใจสองฝ่าย​ ข้อกล่าวหานี้เกินเหตุเกินควร​ และมองว่านักย่อนักจัดรายการวิพากย์วิจารณ์ในขณะนี้​ตนกำลังให้นักกฎหมาย​ดำเนินคดี​ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐ​ ตนจะใช้กระบวนการยุติธรรม​ ไม่มีเว้นคดีต่างๆ​ ต้องไปสู้กันในศาล​ว่าผิดหรือไม่ผิด​ ไม่ใช่ตำรวจ​เจ้าของคดีมาแถลงรายวัน

และผมเสียหายไปแล้ว​ ใครจะมารับผิดชอบ ผู้หลักผู้ใหญ่​ในพรรคไม่ได้มาช่วย​ด้วย ขออย่าโยงให้ด่างพร้อย​

ขณะเดียวกัน ยศวริศ​ ยังขอให้สื่อมวลชนตรวจสอบภรรยา ของอธิบดีกรมการข้าว ที่มีการเปิดบริษัทโดยใช้ทุนจดทะเบียน 600 กว่าล้านบาทว่าเหตุใดจึงรวย 

นอกจากนี้ในช่วงหนึ่ง ยศวริศ ยกธูปเทียนแพและพวงมาลัยดอกไม้ขึ้น พร้อมสาบานต่อหน้าสื่อมวล ว่า เรื่องทั้งหมดกล่าวหาว่าตนเป็นเจ้าหน้ารัฐใช่อำนาจโดยมิชอบ​เรียก รับผลประโยชน์เพื่อตนเองและเพื่อผู้อื่น​ หากตนเป็นแก๊งตบทรัพย์​ รีดทรัพย์ขอให้มีอันเป็นไป หากแม้ว่าตนไม่ได้เป็นทั้งนั้นขอบารมีพระแก้วมรกต ศาลหลักเมือง ขอให้คนกล่าวหาไม่มีที่อยู่​ ทุกข์ใจยิ่งกว่าตนร้อยเท่าพันเท่าและให้บุคคลที่กล่าวหาตน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐสื่อมวลชน หรือประชาชนที่คิดได้แบบนั้น คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ขอให้มีอันเป็นไป

เมื่อถามว่า การที่ ยศวริศ​ เข้าไปพบอธิบดีกรมการข้าวยังมีการกล่าวถึงการเจรจาเรื่องค่าดูแลนั้น​ ยศวริศ​ ยืนยันว่า​ การเข้าไปเจรจายังกรม ไม่ได้มีตัวเลข 2 โล โดยการที่ตนเข้าไปพบเป็นเพียงตัวกลางในการเจรจาเท่านั้น

ส่วนข้อความแชทที่มีเนื้อหาในลักษณะตามทวงเงิน​ พิมณัฏฐา​ ชี้แจงว่า ตนเป็นเพียงตัวกลาง​ เมื่อตกลงว่าจะมีการทยอจ่าย​ แต่โอนไม่ตรงตามตกลงจึงต้องมีการติดตามทวงให้​ เนื่องจากอาจถูกมองว่ายักยอก​ พร้อมยอมระบว่ายอดเงินที่ตนรับทราบมีเพียง​ 60,000 บาท​ แต่​ยอด 100,000​ ตนไม่ทราบ และยอดเงิน 10,000 บาทเป็นการโอนไปยังบัญชีม้า​ 

ยศวริศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการแต่งตั้ง ว่า สถานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ เจ๋ง บอกว่า ตนเองได้รับการแต่งตั้งช่วงเดือนพฤศจิกายน และถูกปลดออกจากตำแหน่งในวันที่ 18 ธันวาคม แต่ขณะเดียวกัน ขัดแย้งกับเอกสารที่ระบุว่ามีการแต่งตั้งในวันที่ 28 กันยายน ส่วนวันแต่งตั้งตนเองจำเดือนที่แน่นอนไม่ได้ 

ส่วนที่เห็นภาพตนเองเข้าไปทำงานที่ทำเนียบ รวมถึงมีป้ายชื่อที่ปรึกษารัฐมนตรีนั่งประชุมนั้น เจ๋ง ระบุว่า ตนเองเข้าออกสภา และทำเนียบเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะไปหาเพื่อน ส่วนที่มีป้ายนั้น เจ้าหน้าที่ทำเนียบเป็นพูดจัดเตรียมไว้ โดยที่ไม่รู้ว่าตนเองถูกปลดจากตำแหน่งไปแล้ว

ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่าตนเองเข้าไปกระทรวงยุติธรรม ยอมรับว่า ตนเองเข้าไปจริงโดยเข้าไปหารือเรื่องกำไร EM เพราะได้รับข้อมูลมาว่ามีการสอบไปในทางทุจริต พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด 

ส่วนข้อสงสัยในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและ การ์ตูน ยืนยันว่า เป็นเพียงเลขาส่วนตัว ซึ่งตูน ก็รู้จักกับครอบครัวของตนเองและลูกสาว ซึ่งก่อนหน้านี้ครอบครัวของ ตูน เป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เห็นหน่วยก้านดีจึงเรียกมาทำงานด้วย ซึ่งทำงานร่วมกันมาเป็น 10 ปีแล้ว ทั้งนี้ การ์ตูน ก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่าเรื่องความสัมพันธ์ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงเลขาส่วนตัวเท่านั้นและตนเองก็รู้จักกับครอบครัวของนายเจ๋งทุกคน

พร้อมกับยืนยันว่า ตนเองไม่รู้จัก นายหมู (สุธีร์) ที่ปรึกษาของ ร.อ.ธรรมนัส แต่ยอมรับว่ารู้จักกับ นายเอก ที่มีข้อมูลออกมาว่าเป็นตัวกลาง 

ส่วนที่มีการจับกุม เอกเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น ตนเองยังไม่ทราบเรื่อง ส่วนสาเหตุที่รู้จักกับ เอกนั้นเพราะก่อนหน้านี้ เอก เคยนำเรื่องโครงการต่างๆ มาให้ตนเองตรวจสอบ รวมทั้งยืนยันว่าไม่มีเส้นทางการเงินที่โอนให้กัน ระหว่างเอก และตนเองแน่นอน

ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตนเองยังไม่มีการพูดคุยกับ ศรีสุวรรณแต่อย่างใด ในส่วนของข้อสงสัยที่บอกว่าตนเองและ ศรีสุวรรณ ต่างขั้วกันนั้นทำไมถึงมาจับมือร้องเรียนกัน ตนเองมองว่าหากมีเรื่องทุจริตก็สามารถเข้ามาร้องเรียนตรวจสอบร่วมกันได้ เช่นเดียวกันกับที่ตนเองเคยอยู่เสื้อแดง แต่ขณะนี้ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติได้

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า หลังจากเกิดเหตุ ได้เข้าไปพูดคุย ชี้แจงกับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี แล้วหรือไม่ เจ๋งบอกว่า รอเคลียร์ตัวเองให้ใสสะอาดก่อนถึงจะเข้าไปหาและชี้แจงอีกครั้ง

พร้อมทิ้งท้ายฝากให้สื่อมวลชนตรวจสอบภรรยาของอธิบดีกรมการข้าว เนื่องจากได้รับข้อมูลว่ามีการเปิดบริษัทด้วยเงินสดจำนวน 600 กว่าล้าน ว่าเป็นการร่ำรวยผิดปกติหรือไม่

ยศวริศ ยังยอมรับว่า มีการโทรศัพท์รายงาน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยหาหรือว่ามีเหตุการณ์ ดังกล่าวเกิดขึ้น จะให้ดำเนินการอย่างไร โดยรัฐมนตรีบอกเพียงว่า ให้ตนเองจัดการให้เสร็จสิ้น แต่ไม่ได้ระบุว่าด้วยวิธีการใด อีกทั้งยังมีเพื่อนที่เป็นอดีตนักการเมือง แกนนำเสื้อแดง และมีการฝากฝังกับตนเองให้ช่วยเคลียร์ปัญหาดังกล่าวให้เรียบร้อย ตนเองจึงอาสาเข้าไปเป็นตัวกลางในการพูดคุยกับอธิบดีกรมการข้าว โดยไม่ได้รับผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียว

ยศวริศ ยังยอมรับว่า รู้จักกับ “ดร.เอก” 1 ในผู้ที่ถูกตำรวจ ปปป. เข้าจับกุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังพบความเชื่อมโยงว่า เกี่ยวข้องกับแก๊งตบทรัพย์ของศรีสุวรรณ แต่เป็นการรู้จัก ในฐานะที่ทำธุรกิจด้วยกัน มีการพูดคุยกันในเรื่องโครงการต่างๆ เช่น โครงการวิ่ง แล้วเหตุใดเขาถึงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ 

ส่วนตัวตำรวจจับจากเส้นทางการเงินที่เชื่อมต่อตัวเอง ยศวริศ ยืนยันว่า ไม่เคยโอนเงินหรือรับโอนเงินจาก ดร.เอก ทุกครั้งที่ไปร้องเรียนเรื่องการทุจริตหน่วยงาน ดร.เอก ไม่เคยรับรู้หรือเกี่ยวข้องเลย เหตุใดตำรวจถึงไปจับ

ยศวริศ ยังย้ำได้ว่าสาเหตุที่ตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งตบทรัพย์ น่าจะเป็นเกณฑ์ทางการเมืองถูกกลั่นแกล้ง ผู้สื่ข่าวถึงถามย้ำว่าถูกใครกลั่นแกล้ง ยศวริศ เป็นเพียงการสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรื่องทางการเมือง แต่ไม่ขอระบุว่าเป็นใคร ก่อนที่จะฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ที่ไปเฝ้าหน้าบ้าน การทำแบบนี้เป็นการริดรอนสิทธิและคุกคาม อยากให้เลิกติดตามตัวเอง ยืนยันยังไงก็ไม่หลบหนี พร้อมสู้คดี 

ยศวริศ​ ยอมรับว่า ได้มีการเข้าไปพบ ไชยา​ พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1 ครั้ง เป็นเพียงการเข้าไปเยี่ยม เมื่อครั้งเข้าไปรับตำแหน่ง และตนก็เข้าไปเพียงแสดงความยินดี

โดยภายหลังการสัมภาษณ์เสร็จสิ้นระหว่างเดินขึ้นรถยศวริศ ยืนยันว่า ตนมองว่าเป็นเหยื่อทางการเมือง 

เมื่อถามย้ำว่า เป็นการเล่นเกมการเมืองจากพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่​ ยศวริศ​ ยอมรับว่า เพียงการตั้งข้อสังเกตของตนเท่านั้น​ เพราะอยู่ๆ ตนถูกตกเป็นนักตบทรัพย์ และถูกโยงไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมยืนยันว่า สถานะระหว่างตนกับพรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีความเกี่ยวข้องกันตั้งแต่แรก

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่