‘เจ๋ง’ โอดเป็นเหยื่อการเมือง ยกพานธูปเทียนสาบาน แช่งใครกล่าวหาตบทรัพย์ให้มีอันเป็นไป ดึง ‘ธรรมนัส’ สั่งให้ไปจัดการให้จบ เลิ่กลัก ไม่ชัดพ้นตำแหน่งคณะทำงาน ‘พีระพันธุ์’ เมื่อใด ขออย่าดึงผู้ใหญ่พรรครทสช.เกี่ยว รับเข้าพบ ‘ไชยา’ เพียงแสดงความยินดี หลังเข้ารับตำแหน่ง
วันที่ 1 ก.พ. ยศวริศ ชูกล่อม หรือ หรือ เจ๋ง ดอกจิก แถลงข่าวชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาร่วมกับ ศรีสุวรรณ จรรยา ตบทรัพย์ ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว จนนำมาซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ 3 ข้อหา ประกอบด้วย สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับทรัพย์หรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ ,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใดฯ และถูกตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. และควบคุมตัวภายในทำเนียบรัฐบาล ก่อนได้รับการประกันตัว โดยยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 400,000 บาท
ยศวริศ ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมที่ทำเนียบรัฐบาลว่า เป็นการประสานเจ้าหน้าตำรวจจาก สน.ดุสิต พร้อมชี้แจงถึงเหตุผลที่มีการแถลงข่าวล่าช้าเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ยึดโทรศัพท์ พร้อมกับยังระบุว่า ก่อนหน้าที่นี้ตน และ ศรีสุวรรณ จรรยา มีการพบข้อพิรุทจากกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อตรวจสอบการใช้งบประมาณ จึงได้ไปร้องต่อกรรมาธิการ แต่ขณะเดียวจากที่ได้พูดคุยกับ ศรีสุวรรณ มีข้อมูลพบข้อพิรุทในกรมการข้าวที่มีการทุจริตจำนวนมโหฬาร จึงได้มีการเตรียมเอกสารเพื่อร้องให้ตรวจสอบต่อกรมการข้าว
โดย ยศวริศ ยอมรับว่า มีคนสนิทซึ่งเป็นแกนนำคนเสื้อแดง เจรจาขอให้ไม่ร้องสอบอธิบดีกรมการข้าว เนื่องจากเป็นน้องและหนึ่งในเสื้อแดง จึงไม่อยากให้ไปแตะ เนื่องจากเกรงว่าจะมีปัญหาโดยร้องขอให้ ยศวริศ เข้าไปดูแลแทน แต่เมื่อเห็นว่าเป็นพรรคพวกเหมือนกันตนจึงโทรหาอธิบดีกรมการข้าว โดยในครั้งแรกไม่รับสาย แต่มีการนัดพบที่โรงแรมในเวลา 13.00 น. ก่อนจะเปลี่ยนสถานที่เจรจาเป็นห้องทำงานที่กรมการข้าว โดยพบว่าภายในห้องทำงานมีภรรยาอธิบดี อยู่ด้วย โดยระหว่างการเดินทาง ยศวริศยอมรับว่ามีการโทรตามจากอธิบดีกรมการข้าวหลายครั้ง โดยยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตกลงจำนวนเงินตามที่เป็นข่าว 2 โล(ล้าน) เนื่องจากมีการไปพบยังยังบ้านพักของ ศรีสุวรรณ แล้วก่อนหน้านี้
ยศวริศ ยังยืนยันว่า พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.อุตรดิตถ์พรรครวมไทยสร้างชาติ มีหน้าที่แค่ประสาน และตนเพียงเข้าไปช่วย ไม่ใช่แก๊งตบทรัพย์แต่อย่างใด และตนไม่คิดเลยว่าในกรมการข้าวมีงูเห่า ซึ่งตนเป็นเพียงชาวนา ต้องการจบเรื่อง พร้อมกับมองว่าคนเราถ้าไม่ผิดไม่มีแผลจะเคลียร์ทำไม ตนไม่รู้ผิดถูกเมื่อมีข้อมูลส่อพิรุธมหาศาลก็ต้องร้องทำตามหน้าที่ และไม่เคยได้เงินสักบาทเดียว ส่วนการกล่าวหาว่าเป็นแก๊งค์ตบทรัพย์ระดับชาตินั้นเลอะเทอะ จึงขอความเป็นธรรมเนื่องจากเกิดความเสียหายเกิดกับตน รวมไปถึงพี่น้องผู้ใหญ่ในพรรคเขาจะมองตนอย่างไร ว่าตนมาทำมาหากินกับเรื่องแบบนี๊ ขอความเป็นธรรมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ
ยศวริศ กล่าวว่า ตนมาช่วยเขาแท้ๆ หากตนร่วมขบวนการ ตนต้องต่อรอง แต่นี่ต่อรองลง เพื่อให้บรรยากาศที่พอดีพอใจสองฝ่าย ข้อกล่าวหานี้เกินเหตุเกินควร และมองว่านักย่อนักจัดรายการวิพากย์วิจารณ์ในขณะนี้ตนกำลังให้นักกฎหมายดำเนินคดี รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐ ตนจะใช้กระบวนการยุติธรรม ไม่มีเว้นคดีต่างๆ ต้องไปสู้กันในศาลว่าผิดหรือไม่ผิด ไม่ใช่ตำรวจเจ้าของคดีมาแถลงรายวัน
และผมเสียหายไปแล้ว ใครจะมารับผิดชอบ ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคไม่ได้มาช่วยด้วย ขออย่าโยงให้ด่างพร้อย
ขณะเดียวกัน ยศวริศ ยังขอให้สื่อมวลชนตรวจสอบภรรยา ของอธิบดีกรมการข้าว ที่มีการเปิดบริษัทโดยใช้ทุนจดทะเบียน 600 กว่าล้านบาทว่าเหตุใดจึงรวย
นอกจากนี้ในช่วงหนึ่ง ยศวริศ ยกธูปเทียนแพและพวงมาลัยดอกไม้ขึ้น พร้อมสาบานต่อหน้าสื่อมวล ว่า เรื่องทั้งหมดกล่าวหาว่าตนเป็นเจ้าหน้ารัฐใช่อำนาจโดยมิชอบเรียก รับผลประโยชน์เพื่อตนเองและเพื่อผู้อื่น หากตนเป็นแก๊งตบทรัพย์ รีดทรัพย์ขอให้มีอันเป็นไป หากแม้ว่าตนไม่ได้เป็นทั้งนั้นขอบารมีพระแก้วมรกต ศาลหลักเมือง ขอให้คนกล่าวหาไม่มีที่อยู่ ทุกข์ใจยิ่งกว่าตนร้อยเท่าพันเท่าและให้บุคคลที่กล่าวหาตน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐสื่อมวลชน หรือประชาชนที่คิดได้แบบนั้น คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ขอให้มีอันเป็นไป
เมื่อถามว่า การที่ ยศวริศ เข้าไปพบอธิบดีกรมการข้าวยังมีการกล่าวถึงการเจรจาเรื่องค่าดูแลนั้น ยศวริศ ยืนยันว่า การเข้าไปเจรจายังกรม ไม่ได้มีตัวเลข 2 โล โดยการที่ตนเข้าไปพบเป็นเพียงตัวกลางในการเจรจาเท่านั้น
ส่วนข้อความแชทที่มีเนื้อหาในลักษณะตามทวงเงิน พิมณัฏฐา ชี้แจงว่า ตนเป็นเพียงตัวกลาง เมื่อตกลงว่าจะมีการทยอจ่าย แต่โอนไม่ตรงตามตกลงจึงต้องมีการติดตามทวงให้ เนื่องจากอาจถูกมองว่ายักยอก พร้อมยอมระบว่ายอดเงินที่ตนรับทราบมีเพียง 60,000 บาท แต่ยอด 100,000 ตนไม่ทราบ และยอดเงิน 10,000 บาทเป็นการโอนไปยังบัญชีม้า
ยศวริศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการแต่งตั้ง ว่า สถานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ เจ๋ง บอกว่า ตนเองได้รับการแต่งตั้งช่วงเดือนพฤศจิกายน และถูกปลดออกจากตำแหน่งในวันที่ 18 ธันวาคม แต่ขณะเดียวกัน ขัดแย้งกับเอกสารที่ระบุว่ามีการแต่งตั้งในวันที่ 28 กันยายน ส่วนวันแต่งตั้งตนเองจำเดือนที่แน่นอนไม่ได้
ส่วนที่เห็นภาพตนเองเข้าไปทำงานที่ทำเนียบ รวมถึงมีป้ายชื่อที่ปรึกษารัฐมนตรีนั่งประชุมนั้น เจ๋ง ระบุว่า ตนเองเข้าออกสภา และทำเนียบเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะไปหาเพื่อน ส่วนที่มีป้ายนั้น เจ้าหน้าที่ทำเนียบเป็นพูดจัดเตรียมไว้ โดยที่ไม่รู้ว่าตนเองถูกปลดจากตำแหน่งไปแล้ว
ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่าตนเองเข้าไปกระทรวงยุติธรรม ยอมรับว่า ตนเองเข้าไปจริงโดยเข้าไปหารือเรื่องกำไร EM เพราะได้รับข้อมูลมาว่ามีการสอบไปในทางทุจริต พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด
ส่วนข้อสงสัยในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและ การ์ตูน ยืนยันว่า เป็นเพียงเลขาส่วนตัว ซึ่งตูน ก็รู้จักกับครอบครัวของตนเองและลูกสาว ซึ่งก่อนหน้านี้ครอบครัวของ ตูน เป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เห็นหน่วยก้านดีจึงเรียกมาทำงานด้วย ซึ่งทำงานร่วมกันมาเป็น 10 ปีแล้ว ทั้งนี้ การ์ตูน ก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่าเรื่องความสัมพันธ์ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงเลขาส่วนตัวเท่านั้นและตนเองก็รู้จักกับครอบครัวของนายเจ๋งทุกคน
พร้อมกับยืนยันว่า ตนเองไม่รู้จัก นายหมู (สุธีร์) ที่ปรึกษาของ ร.อ.ธรรมนัส แต่ยอมรับว่ารู้จักกับ นายเอก ที่มีข้อมูลออกมาว่าเป็นตัวกลาง
ส่วนที่มีการจับกุม เอกเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น ตนเองยังไม่ทราบเรื่อง ส่วนสาเหตุที่รู้จักกับ เอกนั้นเพราะก่อนหน้านี้ เอก เคยนำเรื่องโครงการต่างๆ มาให้ตนเองตรวจสอบ รวมทั้งยืนยันว่าไม่มีเส้นทางการเงินที่โอนให้กัน ระหว่างเอก และตนเองแน่นอน
ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตนเองยังไม่มีการพูดคุยกับ ศรีสุวรรณแต่อย่างใด ในส่วนของข้อสงสัยที่บอกว่าตนเองและ ศรีสุวรรณ ต่างขั้วกันนั้นทำไมถึงมาจับมือร้องเรียนกัน ตนเองมองว่าหากมีเรื่องทุจริตก็สามารถเข้ามาร้องเรียนตรวจสอบร่วมกันได้ เช่นเดียวกันกับที่ตนเองเคยอยู่เสื้อแดง แต่ขณะนี้ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติได้
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า หลังจากเกิดเหตุ ได้เข้าไปพูดคุย ชี้แจงกับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี แล้วหรือไม่ เจ๋งบอกว่า รอเคลียร์ตัวเองให้ใสสะอาดก่อนถึงจะเข้าไปหาและชี้แจงอีกครั้ง
พร้อมทิ้งท้ายฝากให้สื่อมวลชนตรวจสอบภรรยาของอธิบดีกรมการข้าว เนื่องจากได้รับข้อมูลว่ามีการเปิดบริษัทด้วยเงินสดจำนวน 600 กว่าล้าน ว่าเป็นการร่ำรวยผิดปกติหรือไม่
ยศวริศ ยังยอมรับว่า มีการโทรศัพท์รายงาน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยหาหรือว่ามีเหตุการณ์ ดังกล่าวเกิดขึ้น จะให้ดำเนินการอย่างไร โดยรัฐมนตรีบอกเพียงว่า ให้ตนเองจัดการให้เสร็จสิ้น แต่ไม่ได้ระบุว่าด้วยวิธีการใด อีกทั้งยังมีเพื่อนที่เป็นอดีตนักการเมือง แกนนำเสื้อแดง และมีการฝากฝังกับตนเองให้ช่วยเคลียร์ปัญหาดังกล่าวให้เรียบร้อย ตนเองจึงอาสาเข้าไปเป็นตัวกลางในการพูดคุยกับอธิบดีกรมการข้าว โดยไม่ได้รับผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียว
ยศวริศ ยังยอมรับว่า รู้จักกับ “ดร.เอก” 1 ในผู้ที่ถูกตำรวจ ปปป. เข้าจับกุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังพบความเชื่อมโยงว่า เกี่ยวข้องกับแก๊งตบทรัพย์ของศรีสุวรรณ แต่เป็นการรู้จัก ในฐานะที่ทำธุรกิจด้วยกัน มีการพูดคุยกันในเรื่องโครงการต่างๆ เช่น โครงการวิ่ง แล้วเหตุใดเขาถึงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ส่วนตัวตำรวจจับจากเส้นทางการเงินที่เชื่อมต่อตัวเอง ยศวริศ ยืนยันว่า ไม่เคยโอนเงินหรือรับโอนเงินจาก ดร.เอก ทุกครั้งที่ไปร้องเรียนเรื่องการทุจริตหน่วยงาน ดร.เอก ไม่เคยรับรู้หรือเกี่ยวข้องเลย เหตุใดตำรวจถึงไปจับ
ยศวริศ ยังย้ำได้ว่าสาเหตุที่ตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งตบทรัพย์ น่าจะเป็นเกณฑ์ทางการเมืองถูกกลั่นแกล้ง ผู้สื่ข่าวถึงถามย้ำว่าถูกใครกลั่นแกล้ง ยศวริศ เป็นเพียงการสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรื่องทางการเมือง แต่ไม่ขอระบุว่าเป็นใคร ก่อนที่จะฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ที่ไปเฝ้าหน้าบ้าน การทำแบบนี้เป็นการริดรอนสิทธิและคุกคาม อยากให้เลิกติดตามตัวเอง ยืนยันยังไงก็ไม่หลบหนี พร้อมสู้คดี
ยศวริศ ยอมรับว่า ได้มีการเข้าไปพบ ไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1 ครั้ง เป็นเพียงการเข้าไปเยี่ยม เมื่อครั้งเข้าไปรับตำแหน่ง และตนก็เข้าไปเพียงแสดงความยินดี
โดยภายหลังการสัมภาษณ์เสร็จสิ้นระหว่างเดินขึ้นรถยศวริศ ยืนยันว่า ตนมองว่าเป็นเหยื่อทางการเมือง
เมื่อถามย้ำว่า เป็นการเล่นเกมการเมืองจากพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ ยศวริศ ยอมรับว่า เพียงการตั้งข้อสังเกตของตนเท่านั้น เพราะอยู่ๆ ตนถูกตกเป็นนักตบทรัพย์ และถูกโยงไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมยืนยันว่า สถานะระหว่างตนกับพรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีความเกี่ยวข้องกันตั้งแต่แรก