‘ชัยธวัช’ มั่นใจแกนนำ ‘อนาคตใหม่’ รอดคดีแฟลชม็อบปี 62 มองไม่กระทบทางการเมือง ไม่กังวลหากผลเป็นลบ เตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อ ยันยึดเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน
วันที่ 5 ก.พ. ที่ศาลแขวงดุสิต ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แกนนำพรรคอนาคตใหม่เข้าฟังคำพิพากษาคดีร่วมชุมนุม #ไม่ถอยไม่ทน ที่สกายวอล์ค แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2562 โดยมีจำเลยประกอบด้วย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, พรรณิการ์ วานิช, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, ปิยบุตร แสงกนกกุล และไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร
ชัยธวัช กล่าวว่า ทางทีมทนาย และจำเลยทั้ง 6 คน ยังคงมั่นใจว่าจะชนะคดีดังกล่าว โดยเบื้องต้นเป็นการต่อสู้เรื่องขององค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 อีกทั้งเรื่องนี้ยังเป็นการต่อสู้เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนอีกด้วย
ชัยธวัช กล่าวว่า หากคำวินิจฉัยออกมาในทางลบก็จะมีการอุทธรณ์ต่อไป และได้มีการเตรียมการสำหรับประกันตัวไว้แล้ว เพราะไม่มีเหตุที่จะไม่ให้ประกันตัว พร้อมยืนยันว่า ไม่น่าจะมีผลกระทบทางการเมือง เนื่องจากแนวโน้มการวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมืองในช่วงหลังมานี้ก็ออกมาดี
ชัยธวัช ยังกล่าวด้วยว่า แกนนำอนาคตใหม่ทั้ง 6 คนที่เข้าฟังคำพิพากษาในฐานะจำเลยไม่มีความกังวล เพราะเป็นเรื่องของการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนในทางการเมืองโดยชอบ ประกอบกับประชาชนในช่วงเวลานั้น เห็นด้วยว่า สิทธิเสรีภาพของประชาชนถูกละเมิด โดยเฉพาะบรรยากาศภายใต้รัฐบาลสืบทอดอำนาจรัฐประหาร
สำหรับ ชัยธวัช ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีข้อเสนอในการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน รวมถึง พ.ร.บ.ชุมนุมฯ ก็ถูกนำไปพิจารณาในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน
“เรายึดหลักว่า สิทธิทางการเมืองของพลเมือง เป็นหลักการขั้นพื้นฐานของประชาธิปไตยที่ต้องไม่ถูกละเมิด และเป็นหลักพื้นฐานที่จะทำให้สังคมประชาธิปไตยสามารถอยู่ร่วมกันได้” ชัยธวัช กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่เกิดจากกรณีในวันที่ 13 ธ.ค. 2562 ธนาธร ได้ทำการเฟซบุ๊กไลฟ์เชิญชวนประชาชนให้ออกมาร่วมกิจกรรมแฟลชม็อบ #ไม่ถอยไม่ทน ในวันถัดมา เวลา 17.00 น. ถึง 18.00 น.
ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในขณะนั้นได้มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ ในกรณีการกู้ยืมเงินจากธนาธรซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค โดยหลังจากนั้นในวันที่ 22 ธ.ค. 2562 มีการออกหมายเรียก ธนาธร และไพรัฏฐโชติก์ ให้รับทราบข้อกล่าวหา แต่ในส่วนของ ปิยบุตร, พรรณิการ์ และพิธา ซึ่งยังเป็น สส. อยู่ในขณะนั้น จึงต้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลมนามในหนังสือขออนุญาตออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
