เมื่อวันที่ 7 ก.พ.2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เผยภายหลังการเยือนของ พล.อ.ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อลงนามและแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ 5 ฉบับ ดังนี้
- บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการรับมือเหตุฉุกเฉินระหว่างไทยกับกัมพูชา
- บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโน โลยี ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กับกระทรวงอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมกัมพูชา
- บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิต ของกัมพูชา
- บันทึกความเข้าใจระหว่าง ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และหอการค้ากัมพูชา เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและกัมพูชา
- บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหอการค้ากัมพูชา ผู้ลงนามฝ่ายไทยคือ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทย และฝ่ายกัมพูชา คือ Neak Okhnha Kith Meng ประธานหอการค้ากัมพูชา
อ่านข่าว “เศรษฐา” เปิดทำเนียบฯ ต้อนรับ “ฮุน มาเนต” ลงนาม MOU ไทย-กัมพูชา
เปิดข้อตกลงไทย-กัมพูชา
สำหรับสาระสำคัญการแถลงข่าว มีดังนี้ ด้านความสัมพันธ์ ยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็น “หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์” ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ทำงานอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น และส่งเสริมศักยภาพของทั้งสองประเทศที่มีร่วมกัน
ไทยจะเปิดสถานกงสุลใหญ่แห่งใหม่ในเมืองเสียมราฐ ในขณะที่กัมพูชาจะเปิดสถานกงสุลใหญ่แห่งใหม่ใน จ.สงขลาภายในปีนี้
ด้านความมั่นคง โดยเฉพาะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ไทยจะไม่ยอมให้ใครใช้ไทยเป็นพื้นที่ในการแทรกแซงกิจการภายใน หรือดำเนินกิจกรรมที่เป็นอันตรายต่อประเทศเพื่อนบ้าน และผู้นำทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกันกระชับความร่วมมือต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะเครือข่ายหลอกลวงทางไซเบอร์
ด้านเศรษฐกิจ ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ระดับรัฐมนตรีพาณิชย์ ครั้งที่ 7 ในต้นเดือน มี.ค.นี้ พร้อมทั้งมีนโยบาย quick win ในการนำ MOU ว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าที่ได้ลงนามไปใช้ทันที เพื่อเพิ่มปริมาณการค้า โดยเฉพาะการค้าชายแดน รวมถึงยินดีกับการลงนาม MOU ระหว่าง EXIM Bank กับหอการค้ากัมพูชา ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนจากทั้งไทยและกัมพูชา
ด้านการพัฒนาพื้นที่ชายแดน ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงที่จะกระชับความร่วมมือในด้านความมั่นคงด้านพลังงาน มีการตกลงที่จะหารือเพิ่มเติม เพื่อแสวง หาประโยชน์ร่วมกันจากทรัพยากร “ไฮโดรคาร์บอน” ในพื้นที่เรียกร้องที่ทับซ้อนกันระหว่างทั้งสองประเทศ
โดยผู้นำทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นในการเก็บทุ่นระเบิด เพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่นำร่อง เพื่อเป้าหมายในการทำให้พื้นที่ชายแดนปลอดภัย พร้อมทั้งดำเนินการยกระดับการเปิดจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชาที่ยังคั่งค้าง
รวมทั้งยินดีที่ได้ลงนาม MOU ว่าด้วยความร่วมมือในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการรับมือเหตุฉุกเฉิน ซึ่งจะเป็นการวางกรอบความร่วมมือเพื่อตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินในบริเวณชายแดน
ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการรวมจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาคเข้าด้วยกัน ผ่านโครงการ “หกประเทศ หนึ่งจุดหมายปลายทาง” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค พร้อมปรับปรุงข้อตกลงว่าด้วยการข้ามชายแดน และจะกลับมาเจรจาความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนทางถนน เพื่อให้ข้ามพรมแดนด้วยรถยนต์ส่วนตัวได้
คุยจบแก้หมอกควันข้ามแดนไทย-กัมพูชา
ปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดน โดยตกลงจัดตั้งคณะทำงานร่วม เพื่อจัดทำแผนความร่วมมือในการจัดตั้งสายด่วนแลกเปลี่ยนข้อมูลและการเตือนจุดที่มีการเผา ความร่วมมือในการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน และสร้างขีดความสามารถและแบ่งปันแนวปฏิบัติในการจัดการกับการเผาในเกษตรกรรม รวมถึงไทยได้เชิญกัมพูชาเข้าร่วมแผนปฏิบัติการ CLEAR Sky Strategy เพื่อส่งเสริมความร่วมมือการแก้ปัญหานี้ในระดับภูมิภาค
ด้านแรงงาน นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไทยให้ความสำคัญดูแลแรงงานทุกประเทศ รวมถึงชาวกัมพูชาในประเทศไทย ให้ได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรมและการรองรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เหมาะสม
สถานการณ์ในเมียนมา ไทยและกัมพูชาต่างต้องการที่จะเห็นเมียนมามีสันติสุข มั่นคง และเป็นเอกภาพ ซึ่งรัฐบาลจะแสดงบทบาทเชิงรุกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนในเมียนมา และส่งเสริมการแก้ปัญหาอย่างสันติ โดยดำเนินความร่วมมือพร้อมกับอาเซียน
ในช่วงท้าย ผู้นำไทยและกัมพูชาเน้นย้ำถึงความสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชน โดยจะร่วมกันจัดกิจกรรมฉลองโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2568 ซึ่งเน้นกิจกรรมที่ส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประชาชน พร้อมทั้งยืนยันที่จะพบปะและหารือระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระชับความร่วมมือให้ใกล้ชิดต่อไป
ด้านพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ปัญหาหมอกควันข้ามแดนไทย – กัมพูชา ไทยได้หารือแนวทางการแก้ไขปัญหา PM2.5 อย่างใกล้ชิดกับกัมพูชาผ่านทุกกลไก ทั้งในระดับทวิภาคี อนุภูมิภาค และภูมิภาคอาเซียน
โดยไทยเพิ่มกัมพูชาเข้ามาอยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ฟ้าใส (Clear Sky Strategy) และการให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนด้านวิชาการ อุปกรณ์ เครื่องมือ และการจัดอบรมเสริมสร้างศักยภาพให้กับเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง นอกจากนี้การขยายความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน จัดตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือ
- การจัดตั้ง hotline เพื่อแบ่งปันข้อมูลและการแจ้งเตือนจุดที่มีการเผาไหม้
- การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน
- การเสริมสร้างขีดความสามารถและแบ่งปันแนวปฏิบัติอันเป็นเลิศในด้านต่าง ๆ อาทิ การบริหารจัดการการเผาในพื้นที่เกษตร
อ่านข่าวอื่นๆ
ผู้โดยสารเปิดประตูเครื่องบิน – ดีเลย์หลายเที่ยวบิน “สนามบินเชียงใหม่”