ครบ 6 เดือนเต็ม หลังจากเข้ารับตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” นายกฯ นิด เศรษฐา ทวีสิน ลงพื้นที่เยือน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สวมเสื้อผ้าปาเต๊ะลายชบาปัตตานีสีเขียวสดใส ก่อนจะทักทายชาวบ้านและผู้ประกอบการท้องถิ่นที่มาต้อนรับ ระหว่างการลงพื้นที่มัสยิดกรือเซะในช่วงบ่ายที่ผ่านมา (27 ก.พ.2567) โดยเดินทางไปสักการะศาลหลักเมืองใน จ.ปัตตานี ต่อด้วย มัสยิดกรือเซะ ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่อย่างเข้มงวด
อ่าน : นายกฯ เยี่ยมมัสยิดกรือเซะ ชาวบ้านร้องแก้เศรษฐกิจ-การค้า
แต่ในพื้นที่ก็ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวมาเลเซียที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่มัสยิดกรือเซะ และสุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เข้ามาเที่ยวได้ที่อยู่ตามปกติ เพราะไม่อยากให้การเดินทางมาของ นายกฯ นิด รบกวนการท่องเที่ยว
หลังจากเยี่ยมชมนิทรรศการแสดงผลิตภัณฑ์พื้นบ้านต่างๆ เช่น เกลือหวานปัตตานี และเดินชิม มะตะบะเนื้อ ขนมหวานมะพร้าวอ่อนแล้ว ยังทดลองสวมหมวกกาปิเยาะแปลงร่างเป็น “บังนิด” ก่อนที่จะลงลายเซ็นบนผ้าบาติกเขียนเทียน
และซื้อภาพวาดสีน้ำมันซึ่งเป็นภาพเด็กชายชาวมุสลิม กำลังโยกคันน้ำบาดาล และสามเณรน้อยใช้มือรองน้ำดื่ม ซึ่งเป็นภาพสันติภาพ จากศิลปินดับไฟใต้ ด้วยปลายพู่กัน มูลค่า 30,000 บาท
หลังชมการแสดงต่างๆ เสร็จสิ้น นายมูหมัด ซอเร่ เดง สมาชิก อบต.ตันหยงลุโละ ได้ขอให้นายกฯ ปรับปรุงมัสยิดกรือเซะและบริเวณโดยรอบ เนื่องจากมีการทรุดตัว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล
เช่นเดียวกับกลุ่มสตรี ซึ่งขอให้ช่วยปรับปรุงสะพานตะลุโบะของคนปัตตานีสมหวังด้วย คือ ทำให้ได้ และขอให้เสร็จในช่วงที่นายกฯดำรงตำแหน่ง ซึ่ง บังนิด รับปากว่า “ไม่ใช่แค่ความหวัง แต่ทำเสร็จแน่นอน”
อ่าน : “เศรษฐา” บินลงใต้ หวังดันเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว 3 จว.ชายแดน
ยืนยันชัด “นายกฯ มีคนเดียว” แม้ที่ผ่านมาจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี 2-3 คน ว่า หลังจาก “บิ๊กโทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้รับการพักโทษ และโยงไปถึง “อิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
อ่าน : ศูนย์กลางอำนาจเปลี่ยนพิกัด จาก “ทำเนียบ” สู่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า”
แต่ สส.เดือน “มนพร เจริญศรี” รมช.คมนาคม ย้ำชัดว่า ไทยมีนายกฯ คนเดียว คือ นายกฯ นิด “เศรษฐา” ซึ่งเชื่อว่าต่อไปจะเป็นนายกฯ ขวัญใจประชาชนในที่สุด รวมถึงในสายตานานาชาติ ที่ได้เห็นการทำงานที่ขยันขันแข็ง และมั่นใจจะเป็นนายกฯ จนสิ้นสุดวาระของรัฐบาล
ส่วนอดีตนายกฯ “ทักษิณ” ถือเป็นอดีตนายกฯ ที่อยู่ในดวงใจของประชาชน สส.เดือน “มนพร” เชื่อว่า สส.พรรคเพื่อไทย และประชาชนอยากเจอ นายทักษิณตัวเป็นๆ หลังจากไม่ได้เจอกันกว่า 17 ปี โดยเฉพาะคนอีสานยังคงคิดถึงเพราะนโยบายต่างๆ ของอดีตนายทักษิณ
ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหมู่บ้าน 30 บาทรักษาทุกโรค ทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ และยังเป็นนโยบายในใจประชาชนอยู่ หลายคนบอกว่า เตรียมผ้าขาวม้ามาแล้ว อยากจะไปผูกอยากจะไปกอดนายทักษิณ เตรียมกับข้าว นี่คือความรู้สึกผูกพัน ที่ประชาชนมีให้
เตรียมบินกัมพูชา หลังจากสมเด็จฮุน เซน เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผ่านไปไม่กี่วัน โฆษกพรรคเพื่อไทย “บรู๊ค” ดนุพร ปุณณกันต์ บอกว่า “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ตอบรับคำเชิญของ ฮุน เซน ประธานองคมนตรีของกัมพูชา ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน ที่จะไปเยือนประเทศกัมพูชา ภายในช่วงเดือน มี.ค.นี้ คาดหากไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงจะเป็นวันที่ 14-15 มี.ค. โดยจะมีกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยตามไปด้วย
ฟาดไปนานถึง 12 ปี สำหรับ คดีมหากาพย์ “บอส อยู่วิทยา” ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555 ในที่สุดวันนี้ (27 ก.พ.2567) อัยการสูงสุด ได้รับดำเนินคดีอาญาฟ้อง “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กับพวกรวม 8 คน ตามมติของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งมา ในกรณีเปลี่ยนแปลงสำนวนและลดความเร็วรถของ วรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส จำนวนนี้ มีรายชื่อของ เนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด รวมอยู่ด้วย
อ่าน : อสส.รับฟ้อง “สมยศ” พวกรวม 8 คน คดีช่วย “บอส อยู่วิทยา”
โดยคดีนี้ อัยการสูงสุด มอบให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดีผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 คน แทนอัยการสูงสุด และให้แจ้งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทราบ เพื่อให้ดำเนินการส่งผู้ถูกกล่าวหาที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งรับดำเนินคดีฟ้อง โดยให้ส่งตัวไปยังสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต เพื่อฟ้องคดีภายในอายุความตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับคดี “บอส วรยุทธ” ปัจจุบันเหลือเพียง 1 คดี คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และคดีจะหมดอายุความในวันที่ 3 ก.ย.2570 ส่วนข้อหาอื่นได้หมดอายุความแล้ว และบางคดีถูกสั่งไม่ฟ้อง
คดียังไม่จบ แม้เรื่องจะดูเหมือนเงียบๆ ไป เมื่อ 2 ผู้ถูกกล่าวหาในคดีเรียกรับผลประโยชน์ ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว “เจ๋ง ดอกจิก” หรือ ยศวริศ ชูกล่อม และ การ์ตูน น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ เข้าพบพนักงานสอบสวนที่ ปปป. เพื่อทางเข้ายื่นเอกสารหลักฐานชี้แจงเพิ่มเติม
เจ๋ง ดอกจิก บอกว่า ไม่ได้หายไปไหน แต่ที่เงียบไปเพราะขอเวลาพนักงานสอบสวน ไปเตรียมเอกสารพยานหลักฐานเพิ่มเติมในประเด็นที่ตำรวจต้องการ และคดีนี้ศาลยังไม่ได้ตัดสินตัวเองยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหา
“แค่ไปปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่งใน กทม. คดีนี้สร้างความอับอายให้แก่ตัวเองและวงศ์ตระกูล ทั้งที่ศาลยังไม่ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริง ส่วนนี้จึงร้องขอความเป็นธรรมผ่านไปยังประชาชนว่า และยังยืนยันในความบริสุทธิ์ พร้อมต่อสู้คดีพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาลอย่างเต็มที่”
และตั้งแต่เกิดคดีขึ้นความขึ้นมา เจ๋ง ระบุว่า ยังไม่ได้พบกับ ศรีสุวรรณ จรรยา และ เอกลักษณ์ วารีชล เพราะไปปฏิบัติธรรมที่วัดมาโดยตลอด
อ่าน : “เจ๋ง ดอกจิก-ตูน” เข้าพบ ปปป.ยันบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวขบวนการรีดเงิน