นายกฯ ชี้ชายแดนใต้สัญญาณดี ไม่มีใช้อาวุธหนักอารักขา ก่อนเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์อัลกุรอาน-คัมภีร์หนังแพะอายุกว่า 1,000 ปี อวยพรพี่น้องมุสลิม ก่อนถือศีลรอมฎอน ย้ำรบ. จะใช้เวลาที่เหลือ 3 ปี 6 เดือน สร้างสันติสุข และความเท่าเทียมให้เกิดขึ้น วอนทุกฝ่ายลืมปัญหาในอดีต
วันที่ 29 ก.พ. เวลา 11.20 น. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เยี่ยมชมกิจกรรมภายในพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัล-กุรอาน และพบปะกับคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส ที่ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ
โดยทันทีที่เดินทางมาถึงกลุ่มคณะศรีสากรอ จากอำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ได้ตีกลองกรือโต๊ะ เพื่อต้อนรับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นวิธีการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เป็นวัฒนธรรมพื้นถิ่นของจังหวัดนราธิวาส
จากนั้นนายกรัฐมนตรีแวะชมบูธ และได้ซื้อกระเป๋าซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากกระจูด จำนวน 4 ใบ จากชุมชนโคกเคียน โดยในส่วนของกระเป๋าเอกสาร นายกรัฐมนตรีจะนำไปใช้ในการเดินทางไปทัวร์ยุโรป ในสัปดาห์หน้าด้วย เพื่อเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไทย
ทั้งนี้ที่พิพิธภัณฑ์ นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมบูธต่างๆ ที่นำมาจัดแสดงอาทิ เรือกอและจำลอง ภูมิปัญญาจากกลุ่มทำเรือกอและ บ้านทอน โดยเรือกอและ เป็นพาหนะคู่กับชาวประมงจังหวัดนราธิวาสที่มีความสวยงาม จนถูกดัดแปลงมาทำจำลองเป็นเครื่องประดับ ก่อนที่จะเดินไปร่วมรับชมการแสดงจากนักกีฬาปัญจักสีลัต
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้ชมผลิตภัณฑ์จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และยังได้ร่วมชิมกาแฟ ที่มาตั้งบูธเพื่อนำเสนอเพื่อนำเสนอวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของคนรุ่นใหม่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงเยี่ยมชมนิทรรศการสินค้าพื้นบ้านและการเกษตรท้องถิ่น การพัฒนาทุเรียนสายน้ำแร่ทองคำด้านต่อยอดร้านน้ำชาเป็นคาเฟ่ เป็นต้น
โดยนายกรัฐมนตรีได้พบกับคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส ซึ่งอ่านดุอาอ์ขอพรให้นายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นสิริมงคลและขอให้คณะรัฐมนตรีมีกำลังใจ สุขภาพแข็งแรง ทุกสิ่งที่นายกรัฐมนตรีตั้งใจ เกิดผลสัมฤทธิ์ และสันติสุขจงเกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะเดียวกันยังขอให้นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับศาสนาอิสลาม ทั้งการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนสอนศาสนา พร้อมกับขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องยาเสพติด
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณ คณะกรรมการอิสลาม จังหวัดนราธิวาส ในคำอวยพร พร้อมกับระบุว่าเนื่องในโอกาสที่จะเข้าในช่วงเทศกาลเดือนรอมฎอน ซึ่งถือเป็นเทศกาลแห่งความอดทน ตนจึงขออวยพรให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข ซึ่งรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับเรื่องของความเสมอภาค ความเท่าเทียมและจะทำให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีแต่ความสงบความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป
โดยระหว่างทางมีเด็กนักเรียนชาวมุสลิม ได้เข้ามาขอถ่ายรูปกับนายกรัฐมนตรี เป็นจำนวนมาก โดยนายกรัฐมนตรีได้ทำมือรูปหัวใจ กับเด็กนักเรียนหญิง สร้างเสียงกรี๊ดดีใจเป็นอย่างมาก
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์คัมภีร์อัล-กุรอาน ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ได้สะสมพระคัมภีร์สำคัญจำนวนหลายเล่ม บางเล่มมีอายุนานกว่าศตวรรษทำจากหนังสัตว์โบราณ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะได้รับกรอบรูปที่สลักชื่อนายกรัฐมนตรีเป็นภาษาอาหรับ
โดยนายกฯ ยืนยันในประชุมร่วม 3 ฝ่ายว่ารัฐบาลเข้าใจถึงแนวทางการดำเนินการ ที่จะค้นหาวัฒนธรรมที่ดีๆสิ่งดีๆที่ยังไม่ได้มีการเผยแพร่และนำเสนอในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต ทั้งความไม่สงบ ในระยะยาวก็จะมีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนำวัฒนธรรมของที่นี่ไปเผยแพร่ ซึ่งไม่ได้ด้อยกว่าใคร
ส่วนปัญหาด่านศุลกากรต่างๆ ยังมีปัญหาอุปสรรคอยู่ ได้มีการจัดการให้แก้ไขบูรณาการทันที ส่วนเรื่องสนามบินจะต้องขึ้นอยู่กับปริมาณความต้องการ ทุกอย่างต้องใจเขาใจเรา ด้านการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงการใช้สนามบินร่วมกันที่จังหวัดปัตตานีเดี๋ยวจะมีการพูดคุยกันว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง หลายๆเรื่องผมคิดว่ารัฐบาลนี้เข้าใจถึงปัญหานี้ว่าการที่เราได้ลงมาครบทุกกระทรวงทบวงกรม ทั้งฝ่ายความมั่นคงมหาดไทย วัฒนธรรมการท่องเที่ยวและกีฬา และ รัฐมนตรียุติธรรม ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่มี สส.อยู่เยอะก็ได้รับการตอบรับที่ดี
การมาพบปะกันมาผมถือว่า 3 วันนี้เป็น 3 วันที่มีคุณค่า และรัฐบาลก็จะมาเยี่ยมเยียนอีกในปีหน้าเพื่อมาดูความคืบหน้าของโครงการต่างๆที่เราได้จัดสรรลงมา หากมีเวลาก็จะอยู่ให้นานกว่านี้
นายกรัฐมนตรี ยังขอบคุณ ฝ่ายความมั่นคงที่ดูแลเป็นอย่างดี เราไม่พูดถึงความไม่มั่นคง เราไม่พูดถึงความไม่สงบ แต่อยากพูดถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เราไม่เห็นเรื่องอาวุธหนักที่จะต้องเอามาคุ้มครองซึ่งถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่เราจะได้เริ่มต้น ขอขอบคุณฝ่ายความมั่นคงและพื้นที่ที่กรุณาทำได้อย่างเหมาะสมและดีมาก เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องพยายามทำให้ได้ภูมิภาคนี้ต้องเกิดทั้งความสันติภาพ และ สันติสุข
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า การเดินทางมาจังหวัดนราธิวาสครั้งนี้ มีเรื่องที่ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าประเทศไทยมีนักซ่อมพระคัมภีร์ของศาสนาอิสลามระดับโลกอยู่ 2 คน ซึ่งคัมภีร์ต่าง ๆ ก็ถูกส่งกลับมาซ่อมที่นี่ และในตะวันออกกลางก็ยังไม่ทราบว่าที่นี่สามารถส่งคำภีร์มาซ่อมได้ จึงได้บอกไปที่กระทรวงการต่างประเทศให้มีการโปรโมทเรื่องนี้ ว่ามีคนที่มีความสามารถในการซ่อมแซมคำภีร์อายุกว่าพันปีได้ ซึ่งการมาครั้งนี้ ถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะอีกไม่กี่สัปดาห์จะเข้าสู่เดือนรอมฎอน ซึ่งถือเป็นสัปดาห์ที่ต้องมีความอดทน อดกลั้นตนเองขออวยพรให้ทุกท่านมีความสุข ยืนยันว่า ภูมิภาคนี้ก็จะได้รับความดูแล ให้มีความเสมอภาค ให้มีความเท่าเทียม
“การที่เราบอกว่าอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทำไมถึงไม่ได้นั่น ไม่ได้นี่ ทำไมถึงไม่เท่าเทียม ผมคิดว่าไม่เป็นความตั้งใจของรัฐบาลนี้ และในสามปีครึ่งที่เหลือ รัฐบาลนี้จะพิสูจน์ให้เห็นว่า ความเสมอภาค ความเท่าเทียม โอกาสที่ประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต ก็จะถูกแก้ไข และเมื่อมองไปข้างหน้าได้เห็นถึงแววตาที่มาต้อนรับ มาดูการลงพื้นที่ของรัฐบาล ก็ได้รับความซาบซึ้ง และได้รับแรงบันดาลใจ ที่จะทำให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปสู่ศักยภาพหรือจุดที่ไปถึงได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้มุ่งมั่นทำต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว