“ยามศึกเรารบ ยามสงบเราเตรียมพร้อม” ในช่วงเช้า ( 5 มี.ค.2567) ที่ผ่านมา “บิ๊กดุง” พล.ร.อ. อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2567 ที่สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 15 หาดยาว แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยใช้กำลังพลตลอดการฝึก 4,500 นาย
นายทหารลูกประดู่โชว์ความพร้อมพรึบพรั่บ ในการฝึกสาธิตจำลองเหตุการณ์ตึงเครียดใกล้พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล โดยสมมุติสถานการณ์ ประเทศแดง ใช้กำลังเรือรบ อากาศยาน ทหารราบ เข้าแทรกซึมชายฝั่ง พื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ
ในขณะที่ฝ่ายน้ำเงินได้ส่งกำลังและยุทโธปกรณ์ ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานขนาด 37 มม.ปืน อาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยาน I I gla-s ปืนใหญ่ขนาด 130 มม.จากหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) และปืนใหญ่อัตตราจร ATMG ขนาด 155 มม. และกำลังพลจากหน่วยทหารราบ จากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ตอบโต้จนสามารถป้องกันพื้นที่เอาไว้ได้
“…เวลาเรารบจริง ไม่ได้สวยงาม หรือมีกลิ่นหอมแบบนี้ มีแต่กลิ่นเลือด มีแต่ผู้เสียชีวิต คนข้างกายอาจจะตาย อวัยวะขาดวิ่น ฉะนั้น เราต้องแกร่งและฝึกให้มากกว่าจริง และทำตามอดีตผู้บังคับบัญชาที่สอนเราไว้ว่า รบอย่างไร ฝึกอย่างนั้น หากมีวันนั้น กองทัพเรือจะต้องไม่แพ้ใคร” คำกล่าวให้โอวาทของ “บิ๊กดุง” พล.ร.อ.อะดุง กับนายทหารลูกประดู่ช่วงหนึ่ง
เมื่อถูกถามว่า พื้นที่เกาะกูด มีกำลังของ สอ.รฝ. ความพร้อมในการดูแลพื้นที่เป็นอย่างไร ผบ.ทร. กล่าวว่า “พร้อม 100% ครับ”
แต่ที่ยังไม่พร้อมคือ เปิดเวทีซักฟอกรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ที่คอการเมืองต่างจับสัญญาณเห็นว่า อาจจะมีดีลที่เป็นนัยทางการเมืองหรือไม่ แม้ “เอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ย้ำหนักย้ำหนาว่า ไม่ใช่เรื่องเกี๊ยะเซียะ เพราะรัฐบาลทำงานได้ 6-7 เดือน ซึ่งการจัดทำงบประมาณที่ อยู่ภายใต้รัฐบาลของนายกฯนิด “เศรษฐา ทวีสิน” ยังไม่เห็นชัด จึงต้องให้ความเป็นธรรม
“…ต้องเข้าใจพรรคก้าวไกล ถ้าข้อมูลไม่หนักแน่น เอามาอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเป็นผลเสีย เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจสอบของฝ่ายค้าน ถ้าใช้พร่ำเพรื่อ ไม่มีเรื่องราว ที่หนักแน่นเพียงพอ จะทำให้พรรคก้าวไกลไม่สง่างาม” ธนาธร ว่าซั่น
วางเดิมพันสู้หมดหน้าตัก นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซ ระบุว่า อดีตนายกฯ “ทักษิณ ชินวัตร” มอบอำนาจให้ไปแจ้งความ ผู้ใช้ชื่อกลุ่มว่า“กลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน” เนื่องจากนำรูป ทักษิณ ขณะชกกระสอบอยู่ที่ดูไบ ไปเปรียบ เทียบเรื่องการป่วยของคุณทักษิณ
โดยระบุว่า ชกกระสอบอยู่ดีๆ พอมาถึงเมืองไทยป่วยกะทันหันต้องนอน รพ.ตำรวจทั้ง 180 วัน ซึ่งคุณทักษิณ คิดว่า การลงรูปแบบนั้นเป็นการหมิ่นประมาท จึงแจ้งความ และตำรวจก็ยกโขยงสอบสวนกันเต็มรูปแบบทันที
อดีต รมว.กระทรวงวัฒนธรรม บอกว่า ตอนนี้โดนแจ้งความแล้ว เพราะเอารูปคุณทักษิณไปลง ต้องขึ้นมาพบพนักงานสอบสวนที่กรุงเทพฯ เขาเป็นคนธรรมดา ไม่มีเงินทองอะไร ต้องมาลำบากกับการสู้คดี เดือดร้อนกันถ้วนหน้า
“…ความจริง น้องๆ เหล่านี้ เขาสงสัยว่าคุณทักษิณป่วยจริงถึงขนาดนั้นหรือเปล่า เพราะคลิปที่ชกกระสอบอยู่ที่ดูไบ ดูแข็งแรงมาก …ความเจ็บป่วยของคุณทักษิณผู้คนเขาสงสัยกันมาก แต่ไม่ได้รับคำตอบที่กระจ่าง คุณทักษิณเป็นบุคคลสาธารณะ ประชาชนเขาก็มีสิทธิสงสัยและวิพากษ์วิจารณ์ได้”
นิพิฏฐ์ ระบุอีกว่า คุณทักษิณใหญ่สุดๆ แล้ว จะเอาอะไรก็ได้หมดแล้ว ผมว่าใหญ่กว่านายกรัฐมนตรีเสียอีก และไหนๆ ก็แจ้งความประชาชนแล้ว อยากให้พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีนี้เลย รับรองคดีนี้ ผมวางเดิมพันสู้หมดหน้าตักแน่
เชียร์กลับประเทศ “สมชาย แสวงการ” สว.ไม่ตกเทรนด์ เชียร์ อดีตนายกฯปู “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” กลับประเทศ หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยกฟ้อง “ยิ่งลักษณ์” คดีโรดโชว์สร้างอนาคตประเทศไทย
แต่มีเงื่อนไขว่า อดีตนายกฯปู จะต้องยอมรับกระบวน การยุติธรรม และยอมรับโทษ 5 ปีเพราะยังมีคดีที่ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาให้จำคุก 5 ปีแล้ว และอายุยังไม่เข้าเงื่อนไขเกณฑ์ได้รับการพักโทษ เพราะแข็งแรง เดินทางไปมาหลายประเทศได้ ต้องทำใจ หากจะกลับประเทศ ต้องเข้ารับโทษในเรือนจำ
“สนับสนุนให้คุณยิ่งลักษณ์ เดินทางกลับประเทศเพื่อรับโทษและเมื่อเข้ารับโทษแล้ว จะขออภัยโทษ หรือลดโทษ เหมือนนักโทษทั่วไป ก็เชื่อว่าสังคมจะยอมรับได้ แต่หากใช้วิธีพิเศษอีก ก็จะเป็นวิกฤตซ้ำ” สว.สมชาย บอกเช่นนั้น
ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยอาการป่วยของบิดา “ทักษิณ ชินวัตร” หลังได้รับการพักโทษกลับมาอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้าครบ 16 วันว่า
อาการดีขึ้น มีความสุข บ้านก็สลับกันพาหลานๆ ไปหา และทักษิณ ยังไม่มีแผนชัดเจนในการเดินทาง แค่พูดเกริ่นว่าอยากจะไปไหน
“…มีการพูดถึงว่า อยากจะไปเชียงใหม่ เนื่องจากไม่ได้ไปนานแล้ว เชียงใหม่ถือเป็นบ้านเกิด คุณพ่อบอกว่าอยากกลับไปไหว้ บรรพบุรุษ มีทั้งคุณย่า คุณปู่ แวะไป ไม่ได้ไปนานมากแล้ว อีกทั้งตอนที่พี่สาวของคุณพ่อเสีย คุณพ่อก็ไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
ส่วนการพบ สส.ของพรรคฯจะอยู่ในคิวต้นๆอยู่แล้ว และยังไม่ได้กำหนดสถานที่ว่าจะเป็นที่พรรคหรือที่ใด
ปิดท้าย 5 มี.ค.2567 วันนักข่าว โลกเปลี่ยน นักข่าวก็ต้องปรับตามกระแส แต่ยังคงไว้ซึ่งจรรยาบรรณในวิชาชีพ และความเป็นมืออาชีพ ผดุงไว้ซึ่งผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนตลอดไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“แพทองธาร” เยือนกัมพูชา 18-19 มี.ค.นี้ ยันไม่ใช่ตัวแทน “ทักษิณ”
“ปกรณ์วุฒิ” ชี้ จะซักฟอกรัฐบาล ข้อมูลต้องจับต้องได้
ผบ.ทร.ลุ้น กมธ.งบ 67 รับอุทธรณ์ “โครงการซื้อเรือฟริเกต”
“ภูมิธรรม” ปัดตอบ “ยิ่งลักษณ์” เตรียมกลับไทยตามรอย “ทักษิณ”