‘อิ๊งค์’ เผย ‘ทักษิณ’ อาการดีขึ้น มีความสุข ยังไม่มีแพลนพบ สส.-ลงพื้นที่ แต่เปรยอยากไปเชียงใหม่ ไหว้บรรพบุรุษ
วันที่ 5 มี.ค. แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าอาการ ทักษิณ ชินวัตร หลังได้รับการพักโทษมาอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า 16 วันแล้ว ว่า อาการดีขึ้น มีความสุข โดยที่บ้านก็สลับกันพาหลานๆ ไปหา โดยขณะนี้ ทักษิณ ยังไม่มีแผนชัดเจนในการเดินทาง แค่พูดเกริ่นว่าอยากจะไปไหน
ส่วนที่ก่อนหน้านี้ ตนเคยบอกว่า จะให้พบกับ สส.พรรคเพื่อไทย ตอนนี้ก็ยังไม่ระบุวัน แต่วานนี้ได้มีโอกาสทานข้าวกับ สส.พรรค ก็ยืนยันว่า จะมีการพบปะกัน แต่ขอให้คุณพ่อ ระบุ ออกมาก่อนว่าจะไปที่ใดบ้าง แต่การ พบ สส.จะอยู่ในคิวต้นๆอยู่แล้ว และยังไม่ได้กำหนดสถานที่ว่าจะเป็นที่พรรคหรือที่ใด
ที่มีกระแสข่าวว่า ทักษิณ จะเดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงกลางเดือนนี้ แพทองธาร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่คอนเฟิร์ม แต่ก็มีการพูดถึงว่า อยากจะไปเชียงใหม่ เนื่องจากไม่ได้ไปนานแล้ว เชียงใหม่ถือเป็นบ้านเกิด คุณพ่อบอกว่าอยากกลับไปไหว้บรรพบุรุษ มีทั้งคุณย่า คุณปู่ แวะไปวัดเนื่องจากไม่ได้ไปนานมากแล้ว อีกทั้งตอนที่พี่สาวของคุณพ่อเสีย คุณพ่อก็ไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย
ก่อนจะย้ำว่า ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการลงพื้นที่ของทักษิณ
เตรียมเยือนกัมพูชา 18-19 มี.ค.
แพทองธาร เปิดเผยถึงการเตรียมตัวเยือนประเทศกัมพูชา ตามคำเชิญของสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชนกัมพูชา ในช่วงวันที่ 18-19 มีนาคมนี้ว่า กำหนดการต่างๆ ยังต้องรอทางฝ่ายกัมพูชา กำหนดรายละเอียดก่อน
ส่วนทางพรรคเพื่อไทยขณะนี้กำลังเตรียมหัวข้อที่จะไปพูดคุย แต่ขอให้รอใกล้วันก่อน
ในขณะเดียวกันมีการวิเคราะห์ว่าการเดินทางไปเยือนกัมพูชาครั้งนี้ เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของ ทักษิณ ชินวัตรนั้น แพทองธาร ยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องไปแทน หาก ทักษิณจะขอไป หรือถึงเวลา ก็คงจะไปเอง ซึ่งตนเองไปในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่เกี่ยวกับฝ่ายบริหาร
ส่วนจะมีการพูดคุยในประเด็นพื้นที่ทับซ้อนที่ยังคงเป็นปัญหาค้างคาเป็นระยะเวลายาวนานหรือไม่นั้น แพทองธาร เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกันในรายละเอียดว่าจะไปพูดคุยกันในเรื่องใดบ้าง เพราะบางเรื่องมีความละเอียดอ่อน หากจะมีการพูดคุยก็จะต้องมีการวางแผนกันอย่างจริงจัง แต่เรื่องส่วนตัวนั้นจะมีการพูดคุยกันอย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ตนเองเคยเดินทางไปเยือน ก็จะพูดคุยกันเรื่องส่วนตัว และครั้งนี้จะไปในนามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะเตรียมเรื่องงานไปพูดคุยด้วย
ยังไม่มีคุยแผน “ยิ่งลักษณ์” กลับไทย
แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลฎีกาฯ ยกฟ้องอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณีจัดโรดโชว์ “สร้างอนาคตประเทศไทย ไทยแลนด์ 2020” ซึ่งได้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีแล้วหรือไม่ว่า ก็ได้มีการพูดคุยกันทันที ส่วนตัวก็ดีใจ ที่ผ่านมาก็รู้สึกว่าสงสารนายกฯ ปู เพราะว่าก็เสียเวลาไปพอสมควร ไม่ใช่แค่นายกฯ ปู แต่ประเทศเองก็เสียเวลา ไม่อย่างนั้นก็คงจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นมากมาย ถ้านายกฯ ปู ได้เป็นนายกรัฐมนตรีในตอนนั้น
เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้ที่ ยิ่งลักษณ์จะได้กลับประเทศไทย แพทองธาร กล่าวว่า ตนเองเห็นแหล่งข่าวหลายที่ระบุว่า ยิ่งลักษณ์ที่แผนเดินทางกลับมาแล้ว ตนยืนยันว่ายังไม่มี บางที่มีการระบุวันที่ด้วย ก่อนย้ำว่าไม่มีเลย ไม่มีการพูดคุยเรื่องวันที่กันเลยสักนิดเดียว แต่ว่าในความหวังนั้นพูดคุยกันอยู่แล้ว เพราะว่าบ้านเราก็ต้องมีความหวัง ตั้งแต่สมัยของคุณพ่อ (ทักษิณ ชินวัตร) แล้ว 17 ปีตอนนี้พ่ออยู่เมืองนอกก็พูดคุยทุกปี ว่าจะกลับมา เพราะฉะนั้นเราต้องให้ความหวังซึ่งกันละกันอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่นักวิชาการบางคนวิเคราะห์ว่าหากยิ่งลักษณ์จะกลับเมืองไทย จะใช้โมเดลเดียวกับ ทักษิณ ที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจนถึงวันพักโทษ แพทองธาร บอกว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่ตนคิดว่าคงเหมือนกันไม่ได้ เพราะมันคนละคนกัน
เมื่อถามต่อว่าทางทีมทนายความได้มีการดูเรื่องแนวทางแล้วหรือไม่ แพทองธาร ระบุว่า ตอนนี้ยังไม่มี เพราะยังไม่แน่ใจว่าเตรียมวันแล้วหรือยัง
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าหากดูคดีความในชั้น ป.ป.ช. กรณีของ ยิ่งลักษณ์ จะไม่เข้าเงื่อนไขของกรมราชทัณฑ์เหมือนกรณีของ ทักษิณ แพทองธาร บอกว่า ตนก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่จริงๆ ก็หวังว่าท่านจะได้กลับมา “ได้กลับบ้านแบบสบายๆ” เพราะยังไงที่ไหนก็ไม่สบายเท่าบ้านอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ยิ่งลักษณ์ได้ให้ความเห็นอะไรบ้างหรือไม่ หลังทราบคำพิพากษา แพทองธาร บอกว่า เราก็พูดคุยกันแบบครอบครัว “ถ้าจะได้กลับจริงๆ ก็อยากจะช่วยเลี้ยงหลาน ตนก็บอกว่าได้เลย เพราะของเล่นที่คุณยายปูซื้อให้หลายก็มีเยอะ คุณยายปูชอบซื้อของเล่นให้หลาน หลายก็จะแฮปปี้ทุกคน ก็มีแซวแค่เรื่องนี้ ไม่มีอะไรจริงจัง”
เมื่อถามย้ำว่า ยิ่งลักษณ์ได้มีแผนว่าจะกลับมาแล้วหรือยัง แพทองธาร กล่าวว่า ท่านนายกฯ ปู เป็นคนที่ดูรายละเอียดทุกเรื่องแต่ยังไม่พูดเรื่องนี้เลยว่าจะกลับหรืออะไร ทุกคนก็แค่แสดงความยินดีแค่นั้นเอง