‘ปริญญา’ เผยยังไม่เห็นช่องให้ ‘ยิ่งลักษณ์’ กลับไทยโดยไม่ติดคุก เว้นแต่ป่วยหนักจนเรือนจำรักษาไม่ได้ ชี้ช่องขอรื้อฟื้นคดี หากมีหลักฐานต่อสู้ว่ากระบวนการยุติธรรมหลังรัฐประหารไม่ชอบธรรม
9 มี.ค. 2567 ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นถึงการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมือง ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปในกรรมาธิการฯ ว่า จะรวมคดีทุจริตด้วยหรือไม่ โดยระบุว่า หากพรรคแกนนำในฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านตกลงกันไม่ได้ ก็จะมีปัญหาติดขัดไปเรื่อยๆ แต่หากพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลเห็นตรงกันก็จะสามารถหาข้อยุติได้
ส่วนตัวเห็นด้วยว่า ความผิดฐานทุจริตไม่ควรได้รับการนิรโทษกรรม เว้นแต่จะปรากฏข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ว่าในกระบวนการยุติธรรมหลังรัฐประหาร ทั้ง 2549 หรือ 2557 ที่ไม่เป็นธรรม มีการเลือกปฏิบัติ มีการใช้อคติตัดสินล่วงหน้า ก็ควรจะเข้าข่ายได้รับการนิรโทษกรรม แต่อาจจะยากกว่า เมื่อเทียบกับการใช้วิธีรื้อฟื้นคดี ในกรณีที่กระบวนการยุติธรรมมีความบกพร่อง ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น ปริญญา ชี้ว่า เป็นข้อเห็นต่างที่ต้องรอฟังพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล
ปริญญา ยังมองว่า กรณีของพรรคเพื่อไทยมีเรื่องใหญ่คือเรื่องของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่การกลับมาประเทศด้วยวิธีเดียวกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ น่าจะทำได้ลำบาก โดยเฉพาะ ทักษิณ ใช้เวลา 6 เดือนก็กลับบ้านได้ เพราะเข้าเกณฑ์พักโทษ คือป่วยหนักจนดูแลตัวเองไม่ได้ ที่ยังมีข้อสงสัยในอาการป่วยอยู่ หรืออายุ 70 ปี ซึ่งในกรณีของ ทักษิณ คือเข้าเกณฑ์อายุ
“ทีนี้คุณยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มีเกณฑ์ทั้งป่วย หรือมีอายุ 70 ปี ถ้าจะใช้โมเดลเดียวกันก็ลำบาก เว้นแต่ว่าป่วยจริงถึงขนาดว่าเรือนจำรักษาไม่ได้ แต่คนก็จะตรวจสอบและสงสัยมากขึ้น เพราะกรมราชทัณฑ์ไม่ได้ทำให้ประจักษ์ให้คนหายสงสัย” ปริญญา กล่าว
ส่วนการกลับมาของ ยิ่งลักษณ์ อาจจะสร้างความสงสัยให้ประชาชน จนถึงเกิดความวุ่นวายหรือไม่นั้น ปริญญา ระบุว่า อยู่ที่ประชาชนจะรู้สึกมากแค่ไหน สังคมตั้งคำถามกรณีของ ทักษิณ พอสมควร และหากกรณีของ ยิ่งลักษณ์ ทำให้คนสงสัยมากขึ้น ก็อาจจะเป็นชนวนของความวุ่นวายได้
อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจว่าทั้ง ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ ต่างก็โดนยึดอำนาจมาด้วยกัน ประเด็นคือไม่ควรเกิดการยึดอำนาจล้มล้างรัฐธรรมนูญ ทำให้ถูกครหาได้ว่ากระบวนการยุติธรรมที่ตัดสิน ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ มีความเป็นธรรมหรือไม่ ซึ่งจะไม่ได้ช่วยแค่ ยิ่งลักษณ์ คนเดียว แต่ช่วยทุกคนที่ได้รับผลจากการรัฐประหาร
“ผมเสนอทางออกอีกทางคือ ถ้าเป็นคดีทุจริต ถ้าคุณยิ่งลักษณ์มีข้อต่อสู้ว่า กระบวนการยุติธรรมหลังยึดอำนาจ 22 พ.ค. 2557 มีความไม่ยุติธรรมในประการใด อาจตั้งเป็นเงื่อนไขไว้ว่า ถ้าแบบนี้อาจเป็นเกณฑ์ในการรื้อฟื้นคดี แล้วให้ศาลตัดสิน ซึ่งเป็นศาลที่ขณะนี้ไม่มีมาตรา 44 แล้ว ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว”
ปริญญา ยังยืนยันว่า ปัจจุบันยังไม่เห็นช่องที่ ยิ่งลักษณ์ จะกลับมาได้ นอกจากต้องป่วยหนัก ส่วนการขอพระราชทานอภัยโทษนั้น ก็ต่อเมื่อเข้ามารับโทษในเรือนจำแล้ว และระหว่างรออภัยโทษหากไม่อยากอยู่ในเรือนจำ ก็ต้องป่วยจริงจนรักษาในเรือนจำไม่ได้ ส่วนในคดีที่ศาลพิพากษาแล้ว ต้องถามกรมราชทัณฑ์ว่ามีหลักเกณฑ์อย่างไร จึงทำให้คนตั้งข้อสังเกตว่าจะใช้วิธีนิรโทษกรรมหรือไม่ ซึ่งก็อาจเป็นปัญหาได้เหมือนกันหากคนยังไม่หายสงสัย
สำหรับความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ที่เตรียมจะเดินทางไปไหว้บรรพบุรุษที่ จ.เชียงใหม่ และมีแกนนำของกลุ่มคนเสื้อแดงเตรียมจัดพิธีรับ จะกลายเป็นศูนย์กลางอำนาจอีกครั้งหรือไม่ ปริญญา กล่าวว่า การกระทำของคุณทักษิณ ไม่มีอะไรห้ามไว้ชัดเจน ถ้าออกมาพักโทษแล้วจะทำอะไรไม่ได้บ้าง และเป็นเรื่องการเมืองก็ไม่ได้มีการห้าม แต่จะทำอะไรที่ใหญ่เกินไปกว่าคนที่ป่วยหนัก 6 เดือน ก็อาจเกิดข้อครหาอยู่แล้ว ซึ่งคิดว่าเรื่องนี้คุณทักษิณน่าจะเข้าใจ
เมื่อถามว่าแสดงว่า ทักษิณ จะไม่ได้เคลื่อนไหวใหญ่ ปริญญา กล่าวว่า “ต้องไปถามคุณทักษิณ”
