กรณีศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับตำรวจ 3 นาย พลเรือน 1 คน หลังพิจารณาหลักฐานน่าเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน BNK Master มีรายชื่อของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.)
วันนี้ (12 มี.ค.2567) เมื่อเวลา 17.00 น.นายณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ ทนายความ พร้อมด้วยนายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับการขอออกหมายจับ ที่มีรายชื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต่อศาลอาญาของพนักงานสอบสวน
นายณัฐวิชช์ กล่าวว่า การแถลงครั้งนี้จะอยู่ในกรอบของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เท่านั้น ในกรณีที่มีข่าวว่าพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอออกหมายจับ และหนึ่งในนั้น มีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รวมอยู่ด้วย และในกรอบนี้ ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง คือไม่ออกหมายจับ และศาลได้มีดุลพินิจว่าไม่มีพยานหลักฐาน เพียงพอที่จะออกหมายจับตามคำร้อง
แต่กลับมีการออกข่าวทำนองว่าศาลออกหมายเรียก หมายจับ และจากการตรวจสอบพบว่าศาลไม่ได้ออกหมายจับ
ชี้อำอาจอยู่กับ ป.ป.ช.-พนักงานสอบสวนเสี่ยง ม.157
ทนายความ กล่าวอีกว่า เมื่อมีการยกคำร้องดังกล่าว จึงมาดูว่าในส่วนขั้นตอนที่จะทำต่อไป หากพนักงานสอบสวนจะดำเนินการต่อ พบว่าการที่พนักงานสอบ สวนยังดำเนินการอยู่ ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะข้อเท็จจริงที่กล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีการส่งเรื่องไป ป.ป.ช.และมีมติรับเรื่อง
ดังนั้นคนที่จะสอบสวนว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะมีความผิดหรือไม่อำนาจจึงอยู่ที่ ป.ป.ช. ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันทุจริต มาตรา 30 ประกอบมาตรา 28
นอกจากนี้ ทนายความ ยังระบุอีกว่า เมื่ออำนาจการสอบสวนไม่ได้อยู่ที่พนักงานสอบสวนแล้ว และพนักงานสอบสวนจะดำเนินการอย่างใดนั้น พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจ
หากจะทำต่อน่าจะเข้าข่ายประเด็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 และทางพนักงานสอบสวนต้องรับผิดชอบกันเอง
นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่า การออกหมายจับในช่วงนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และทีมทนายเข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยว่าเป็นการดิสเครดิต เพราะท่านเป็นรองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 เป็นแคนดิเดตที่จะได้รับการพิจารณาแต่งตั้ง การออกหมายจับในช่วงนี้ ทำให้เสียหายทั้งชื่อเสียง และมีผลเกี่ยวกับการการพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร.ในห้วงเวลาที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่เดือนนี้
นายณัฐวิชช์ กล่าวว่า ข้อมูลที่ระบุว่ามีเส้นทางการเงินไปถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ว่าจาก สน.เตาปูน หรือกรณีการส่ง ป.ป.ช. ไม่ใช่ข้อเท็จจริงใหม่ หรือเส้นทางการเงินใหม่ ส่วนพนักงานสอบสวนจะไปให้ข้อมูลศาล หรือสื่อมวลชนอย่างไรนั้น ต้องรับผิดชอบเอง
นายณัฐวิชช์ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังไม่มีโอกาสเข้าให้การไต่สวนกับคณะพนักงานสืบสวนและสอบสวนของ ป.ป.ช. แต่เป็นสรุปเรื่องและโยง โดยพยายามนำข้อเท็จจริงองค์รวมแยกออกมาให้ดูเหมือนว่าอยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวน แต่ทีมทนายความ ยืนยันว่าอยู่ในกรอบเดียวกันกับที่ ป.ป.ช.รับเรื่องไว้แล้ว
ด้านนายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความ กล่าวว่า วันนี้ต้องพิจารณาว่าพนักงานสอบสวนนำเรื่องนี้มาขออำนาจศาลออกหมายจับ มีอำนาจดำเนินการหรือไม่ เพราะ ป.ป.ช.มีมติรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาแล้ว โดย พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 30 และมาตรา 28 เห็นว่าคดีที่มีความเกี่ยวเนื่อง เกี่ยวพัน หรือมีกรรมเดียว หรือมีผู้สนับสนุนในเครือข่ายเดียวกัน เป็นอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในการไต่สวนสอบสวนคดีนี้
พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอศาลออกหมายจับในคดีนี้ ที่มีความเกี่ยวพันกับคดีที่ ป.ป.ช.มีมติรับไว้แล้ว ถือว่าอาจจะไม่มีอำนาจในการสอบสวนที่แท้จริง และไม่มีอำนาจขอออกหมายจับ
“บิ๊กโจ๊ก” สั่งรวบรวมหลักฐานปกป้องสิทธิ
นายวราชันย์ กล่าวว่า ศาลมีคำสั่งไม่ออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เนื่องจากพยานหลักฐานไม่มีน้ำหนักเพียงพอ และในส่วนของการให้ข่าวว่าศาลออกหมายเรียกนั้น ทางทนายความได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ศาลไม่มีคำสั่งนี้ เพราะการออกหมายเรียกเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน
นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มอบหมายให้ทีมทนายความเก็บพยานหลักฐานทุกอย่างที่เผยแพร่ต่อสื่อมวลชน เพื่อใช้ปกป้องสิทธิ และยืนยันว่าข้อกล่าวหา พฤติการณ์ และเส้นทางการเงินที่พาดพิงมาถึงนั้น ไม่เป็นความจริง โดยยืนยันว่าไม่เคยมีเส้นทางการเงินใดเกี่ยวพันกับเว็บพนันออนไลน์ ส่วนเงินที่ส่งมอบให้ พ.ต.ท.คริษฐ์ นำไปใช้จ่ายเรื่องต่าง ๆ เป็นเงินของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ใช่เงินเว็บพนัน ในส่วนรายละเอียดทางคดียังอยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียด
คดีเว็บพนันมินนี่ที่เตาปูน แม้ข้อกล่าวหาว่าเป็นคนละเว็บ แต่บัญชีเดียวกัน คณะกรรมการ ป.ป.ช.รับไว้ไต่สวน ไม่ว่าจะเจอจำนวนเงินเท่าใด ก็ถือเป็นอำนาจ ป.ป.ช.
อ่านข่าวอื่นๆ
“ออปเพนไฮเมอร์” ผู้มอบอำนาจการทำลายล้างให้ “มนุษย์”
เปิดชื่อ สว.จองกฐินซักฟอกรัฐบาล 7 ด้าน ดิจิทัลวอลเล็ต – คดี “ทักษิณ”