พปชร. หารือภาคเอกชน หาช่องทางอุดสินค้าจีนทะลักไทย ชี้ทำพิษแย่งส่วนแบ่งตลาดสินค้าไทย ‘ไผ่‘ จ่อหารือในสภาฯ สร้างกำแพงปกป้องสินค้าไทย
วันที่ 12 มี.ค. ที่พรรคพลังประชารัฐ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคพลังประชารัฐ นำโดย ไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เปิดเวทีเสวนาวิชาการในหัวข้อ ’จับเข่าคุยชี้ช่อง รับมือสินค้าจีนทะลัก เสริมสร้างความได้เปรียบสินค้าไทย‘ พร้อมด้วย กานต์ กิตติอำพน อดีตผู้สมัคร สส.กทม. รุ่งโรจน์ อาชาเทวัญ รองประธานสมาพันธ์ SMEs ไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมการค้าการลงทุนในประเทศ และชายแดน
โดย รุ่งโรจน์ เริ่มต้นด้วยการระบุถึงสิ่งที่น่ากังวลคือ ไทยจะแข่งขันทางเศรษฐกิจได้หรือไม่ ถึงแม้คุณภาพสินค้าไทยดีกว่า แต่สินค้าจีนราคาถูก ล้นตลาดไทยในทุกช่องทาง ตนจึงสงสัยว่า สินค้าจีนเข้ามาได้ถูกตรวจสอบหรือไม่ หน่วยงานภาครัฐต้องปกป้องสินค้าไทย ไม่ปล่อยผ่านให้สินค้าจีนทะลักเข้ามาง่ายๆ สำหรับกระแสนิยมสินค้าจีน คนไทยตัดสินใจซื้อง่ายกว่า ด้วยราคาถูก จูงใจ ตอนนี้จึงเกิดสงครามราคาในแพลตฟอร์ม ซึ่งแบรนด์ใหญ่ก็จะต้องใช้โปรโมชั่นลดแลกแจกแถม
ขณะที่ ไผ่ มองว่า สิ่งที่เกิดผลกระทบ คือการแจ้งสินค้าไม่ตรงกับที่นำเข้า เก็บภาษีไม่ครอบคลุม ปัญหาที่ซุกไว้ใต้พรมเยอะ ธุรกิจบางอย่าง เช่น สุกี้คนก็กินน้อยลง นิยมกินหม่าล่ามากขึ้น จะทำอย่างไรให้บังคับใช้กฎหมาย และให้คนไทยมีแต้มต่อ ตนเห็นนักท่องเที่ยวใส่กางเกงช้างที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทย แต่เมื่อดูป้ายกลับเป็นเมดอินไชน่า สินค้าในประเทศไทยต้องเป็นของไทยเท่านั้น และต้องสนับสนุน OTOP
ดังนั้น ต้องนำปัญหาทั้งหมดมาคุยกันตรงๆ พูดความจริงทั้งหมด ส่วนแพลตฟอร์มต่างๆ ยอมรับว่า ผู้ซื้อเลือกราคาถูกมากกว่าคุณภาพ กางเกงช้าง อาชีพนวด มวยไทย เราสู้ชาติอื่นได้ แต่ถ้าเอาคนเก่งของไทยไปจะแก้ไขอย่างไร ปัญหาที่เกิดขึ้นพ่วงไปถึงปัญหาค่าแรง ที่พรรคพลังประชารัฐต้องการจะขึ้นให้กับทุกคน แต่ถ้าขึ้นไปเรื่อยๆ ต้นทุนการผลิตเราสู้จีนไม่ได้ ค่าแรงสูงแต่ไม่มีคนจ้างจะทำอย่างไร ไทยควรพัฒนาฝีมือแรงงานให้ดี
ด้าน กานต์ ระบุว่า รัฐบาลต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาให้แตกต่าง สร้างจุดเด่น มี Storytelling หรือสร้างแบรนด์โดยอาศัยวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ทันสมัยตอบโจทย์ผู้บริโภค คำนึงถึงมาตรฐานและคุณภาพ รวมทั้งการบริการหลังการขาย สำหรับการสร้างแรงจูงใจจะต้องมีการเจรจาต่อรองกับซัพพลายเออร์ ลดต้นทุนการผลิต ศึกษาข้อมูลการตลาดและคู่แข่ง
สำหรับรัฐบาลไทยควรมีมาตรการอย่างไรในการดูแลผู้ประกอบการ SMEs รวมทั้งผู้บริโภคไทย หลังสินค้าจีนล้นทะลักเข้าสู่ตลาดไทย รุ่งโรจน์ กล่าวว่า หากคุณอยากใช้ผลิตภัณฑ์ไทย แต่ต้นทุนการผลิตสูง ต้องยอมรับว่าจีนเก่งในเรื่องการผลิต และต้นทุนต่ำ ผู้บริโภคต้องการที่จะซื้อของถูก ตนมองว่าในอนาคตจะเหมือนกางเกงช้าง ภาครัฐควรจะดูแลปกป้อง
ด้าน ไผ่ กล่าวว่า สินค้าที่เป็นเอกลักษณ์หรือซอฟต์พาวเวอร์ พรรคพลังประชารัฐจะนำไปหารือในสภาฯ ควรให้ขายได้เฉพาะคนไทยได้หรือไม่ หรือต้องมีการจดลิขสิทธิ์ ต้องสร้างกำแพงปกป้องสินค้าฝีมือไทย เพราะสินค้าประเภทแฮนด์เมด 100% จีนทำไม่ได้