วันที่ 14 มี.ค.2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน เปิดเผยถึงการเดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ ของนายทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นปรากฏการณ์หนึ่งของคนที่จากบ้านเกิดไปถึง 17 ปี ที่ได้เดินทางกลับบ้านเกิดตัวเอง เพื่อไปทบทวนความทรงจำ แต่เนื่องจากนายทักษิณเป็นคนการเมือง จึงหลีกเลี่ยงความสงสัยที่เกี่ยวข้องในทางการเมืองไม่ได้
นายจตุพร มองว่าความหวังสูงสุดของนายทักษิณ ได้ผ่านไปแล้ว คือการได้กลับประเทศไทย โดยที่ไม่ต้องติดคุกแม้แต่เพียงวันเดียว และการจัดตั้งรัฐบาลแบบตระบัดสัตย์นั้นไม่สามารถที่นำพาพรรคเพื่อไทยกลับไปสู่สถานะเดิมได้ ทั้งเลือกตั้งท้องถิ่น และในอนาคต แต่สิ่งที่เห็นก็คือ ความถดถอย และไม่แข็งแรงเหมือนเดิมต่อไป
อ่านข่าว : “ทักษิณ” ถึงเชียงใหม่แล้ว “สมชาย-เยาวภา” มารอรับชื่นมื่น
ขณะที่แรงสนับสนุนของมวลชน ปริมาณลดน้อยลงไป ซึ่งผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่เหมือนเดิม อารมณ์ของประชาชนพี่น้องเสื้อแดงที่เคยนำพาให้การเลือกตั้งสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชนิดม้วนเดียวจบนั้นได้สูญหายไป เหตุที่สูญหายไปคือความไม่ชัดเจนในการต่อสู้ที่ผ่านมา
พรรคก้าวไกลเริ่มต้นจากตามหลังพรรคเพื่อไทยชนิดที่ห่างไกลมาก แต่ทำให้พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งไปด้วยข้อความเดียว “มีลุงไม่มีเรา” มาแรงแซงโค้งพรรคเพื่อไทยไป เพราะจุดยืนที่ไม่ชัดเจนของพรรคเพื่อไทย
อ่านข่าว : เปิดภาพ “ทักษิณ ชินวัตร” ล่าสุด ถึงเชียงใหม่ ลงเครื่องบินแล้วไปไหนบ้าง
อีกทั้งการดึงมวลชนกลับมาเหมือนเดิมนั้น มองว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก เมื่อมีการเดิมพันว่าเทหมดหน้าตักในการจัดตั้งรัฐบาลแบบผสมที่ได้จากบุคคลที่ประกาศว่าไม่จับมือ ด้วยมีหวังว่าจะใช้นโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง เพื่อจะล้มล้างการตระบัดสัตย์
นายเศรษฐา เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกฯ กว่า 6 เดือน แต่ยังไม่สามารถใช้งบประมาณรายจ่ายปี 2567 ได้ เมื่องบประมาณไม่ได้ นโยบายก็ไม่สามารถเดินหน้าได้ รวมทั้งดิจิทัลวอลเล็ตที่โอกาสเป็นไปได้แทบจะเป็นศูนย์
ที่ผ่านมาคือการล่องลอยเป็นสุญญากาศเดินทางไปต่างประเทศบ่อยไปเป็นเซลล์แมน และการบริหารงานแบบการนำ CEO มาใส่ระบบราชการ โดยไม่ผ่านเจ้ากระทรวงนั้น ก็จะเป็นการเพิ่มปัญหายิ่งขึ้น
นอกจากนี้นายจตุพร มองว่า นายเศรษฐามีโอกาสได้ทำหน้าที่แล้ว เพียงแต่รัฐบาลที่มาด้วยระบบการดีล จึงยังไม่ได้ใช้งบประมาณลงทุน หรือ พัฒนา เพราะฉะนั้นจะสร้างผลงานอะไรไม่ได้
ซึ่วเวลาที่เหลือของนายเศรษฐา คือการนับถอยหลัง แต่งตัวเพื่อหาเหตุผลที่ต้องออกไปตามดีล
และดีลต่อไปคือการนำพาอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์กลับไทย แต่ได้กลับในวันที่นายเศรษฐาได้ออกไปและต้องออกไปในก่อนวันที่ สว.จะหมดวาระ
อ่านข่าวอื่นๆ :
“เศรษฐา” ไม่ขัดคนต้อนรับ “ทักษิณ” เปรยอาจได้ร่วมเฟรม 3 นายกฯ