‘เศรษฐา’ เผยหลังคุยตัวแทนผู้บริหารฟอร์มูล่า อี – มีข่าวดี คาดจัดงานได้ไม่เกิน 15 ก.พ. 68 – เชื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวสอดคล้องไทย ผลักดันรถอีวี – ส่วนปม ฟินแลนด์ ระงับการขอวีซ่าแรงงานไทย กต.ดูข้อมูลแล้ว
วันที่ 17 มี.ค. 2567 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังพบพูดคุยกับ ตัวแทนผู้บริหารฟอร์มูล่า อี ที่โรงแรมอนันตรา เชียงใหม่ ว่า มีข่าวดี หลังได้พูดคุยและได้ก็มีการกำหนดขั้นตอนต่อไปอย่างชัดเจน ดูสถานที่ สถานที่ ว่าจุดไหนมีความเหมาะสม ซึ่งตอนนี้สถานที่ที่มีความเป็นไปได้สูง คือ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี หรืออุทยานหลวงราชพฤกษ์ โดยทางฟอร์มูลล่าจะไปดูเรื่องทางเทคนิคว่าสถานที่ไหนจะเหมาะสมที่สุด
ส่วนเรื่องของเม็ดเงินที่จะตามมานั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่ได้ดู คงต้องไปดูรายละเอียดทั้งหมดและหากจะมีการจัดงานก็คงประมาณต้นปี 2568 แต่คงไม่หลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 เพราะเป็นช่วงฤดูหนาวและยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย เรื่องของฟอร์มูลล่าอี ส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว ตนเชื่อว่าเรื่องของความเวลาและเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นมิตรกับธรรมชาติและเข้ากับธีมที่ว่ารัฐบาลสนับสนุนให้มีการลงทุนให้ประเทศไทยเป็นฮับของการผลิตรถอีวี และเป็นการส่งเสียงที่ชัดเจน กลับชาวโลกว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก คาดว่าอีกไม่เกิน 60 วัน น่าจะสรุปได้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และเป็นขั้นตอนเรื่องการต่อรองสัญญากัน
เศรษฐาระบุอีกว่า มองถึงผลที่จะตามมาชัดเจนคือเรื่องของการท่องเที่ยวเพราะจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของจังหวัดเชียงใหม่จะได้เห็นเรื่องวัฒนธรรมในจังหวัดเชียงใหม่และในอดีตคนที่มาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่มาดูเรื่องวัฒนธรรม ศิลปะทั่วไป แต่เรายังไม่สามารถดึงนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มนึงมาได้ดังนั้นนี่จึงเป็นการเปิดช่องทางใหม่และหวังว่าเมื่อเขามาดูเรื่องการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน และเขาก็จะมาดูเรื่องวัฒนธรรมของเราต่อไปได้
ส่วนเรื่องการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิง ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ขยายระยะเวลาเรียบร้อยแล้ว ส่วนจะขยายไปทั่วประเทศหรือไม่นั้น ต้องดูเรื่องของโซนนิ่ง เรื่องความเหมาะสม และดูความต้องการของแต่ละพื้นที่ด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีประเทศฟินแลนด์ ประกาศระงับการรับคำร้องขอวีซ่าแรงงานไทย ไปเก็บเบอร์รี่ในป่าหลังมีข้อกล่าวหาว่า พัวพันกับการค้ามนุษย์ ว่า ได้รับรายงานเมื่อคืนที่ผ่านมาและสั่งให้ กระทรวงการต่างประเทศไปตรวจสอบดูแล้ว และถือว่าเป็นเรื่องสำคัญในช่วงที่เรากำลังเจรจาเรื่องของฟรีวีซ่า ไม่อยากให้มีอะไรที่ไปทำให้เกิดความระคายเคือง จึงต้องให้ทางกระทรวงการต่างประเทศไปรวบรวมข้อมูลก่อน