ทางการสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวเตือนอิสราเอลในทางสาธารณะ ด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อขอให้อิสราเอลไม่รุกรานเมืองราฟาห์ในฉนวนกาซา ซึ่งมีประชาชนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น โดยทางการสหรัฐฯ กล่าวว่า ปฏิบัติการภาคพื้นดินในราฟาห์จะทำให้เกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่รุนแรงยิ่งขึ้นในฉนวนกาซา
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ (18 มี.ค.) ว่า แม้ว่า โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะยังคงมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายการเอาชนะกลุ่มฮามาส แต่ไบเดนได้สื่อสารกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลว่า การโจมตีครั้งใหญ่ต่อพื้นที่ราฟาห์จะเป็น “ความผิดพลาด”
“มันจะนำไปสู่การเสียชีวิตของพลเรือนผู้บริสุทธิ์มากขึ้น ทำให้เกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายอยู่แล้ว เลวร้ายยิ่งขึ้น ความโกลาหลไร้ระเบียบในฉนวนกาซาลึกซึ้งยิ่งขึ้น และโดดเดี่ยวอิสราเอลออกไปจากประชาคมโลก” ซัลลิแวนกล่าว
ปัจจุบันนี้ กองทัพอิสราเอลสังหารชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาไปแล้วมากกว่า 31,000 คน นับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มทำสงครามเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 เพื่อตอบโต้การโจมตีพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอลของกลุ่มฮามาส ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในอิสราเอลไปอย่างน้อย 1,100 คน
ตามคำกล่าวของซัลลิแวน ไบเดนร้องขอผ่านทางสายโทรศัพท์ ให้เนทันยาฮูส่งทีมข่าวกรองและเจ้าหน้าที่ทหารของอิสราเอลไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อเข้ารับทราบข้อกังวลจากทางสหรัฐฯ เกี่ยวกับการรุกรานพื้นที่ราฟาห์ที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ตลอดช่วงสงคราม อิสราเอลได้สั่งให้พลเรือนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาพลัดถิ่นลงไปยังพื้นที่ตอนใต้ ในขณะที่อิสราเอลทำการบุกเข้ามาในพื้นที่ฉนวนกาซาจากทางตอนเหนือ คำสั่งดังกล่าวส่งผลให้มีประชาชนจำนวนมากต้องหลบหนีไปยังบริเวณตรงกลางของฉนวนกาซา ก่อนจะหนีไปอยู่ที่เมืองข่าน ยูนิส ทางตอนใต้ และในท้ายที่สุด ประชาชนปาเลสไตน์นับล้านยังถูกบังคับให้หลบหนีอีกครั้งไปยังราฟาห์ ซึ่งเป็นเมืองชายแดนฉนวนกาซาที่ติดกับอียิปต์
ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ประชากรในพื้นที่เมืองราฟาห์มีเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากประมาณ 300,000 คนก่อนช่วงสงครามจะปะทุขึ้น
ทั้งนี้ ผู้นำของอิสราเอลประกาศในหลายครั้งว่า กองทัพอิสราเอลจะทำการบุกโจมเมืองตีราฟาห์ ซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์กลางสำคัญสำหรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ถูกส่งเข้ามาจากชายแดนอียิปต์ต่อฉนวนกาซา ในทางตรงกันข้าม ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การสหประชาชาติเตือนถึงภาวะอดอยากที่กำลังจะเกิดขึ้นในพื้นที่เมืองราฟาห์ ในขณะที่ประเทศตะวันตก รวมถึงพันธมิตรของอิสราเอลในยุโรป ต่างออกมาเตือนอิสราเอลไม่ให้บุกโจมตีเมืองราฟาห์
ซัลลิแวนกล่าวว่าชาวปาเลสไตน์ในเมืองราฟาห์ไม่มีที่ไปอีกแล้ว “เมืองใหญ่อื่นๆ ของกาซาถูกทำลายไปเป็นส่วนใหญ่ และอิสราเอลไม่ได้เสนอแผนให้เราหรือโลกทราบว่าพวกเขาจะเคลื่อนย้ายพลเรือนเหล่านั้นอย่างไรหรือที่ไหนอย่างปลอดภัย ไม่ต้องพูดถึงการให้อาหารและที่อยู่อาศัยแก่พวกเขา และรับประกันการเข้าถึงสิ่งพื้นฐาน อาทิ สุขอนามัย” ซัลลิแวนกล่าว
ซัลลิแวนยังกล่าวอีกว่า ไบเดนกล่าวย้ำกับเนทันยาฮูถึง “ความมุ่งมั่นอันลึกซึ้ง” ของเขาต่อความมั่นคงของอิสราเอล แต่ไบเดนได้วิพากษ์วิจารณ์ความพยายามในการทำสงครามของอิสราเอล
“แผนทางทหารไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ หากไม่มีแผนบูรณาการด้านมนุษยธรรมและแผนการเมือง” ซัลลิแวนกล่าวกับผู้สื่อข่าว “และท่านประธานาธิบดีได้ชี้ให้เห็นหลายครั้งว่า ปฏิบัติการทางทหารอย่างต่อเนื่องจำเป็นต้องเชื่อมโยงกับการสิ้นสุดทางยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน วันนี้ท่านประธานาธิบดีกล่าวกับท่านนายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่า เรามีเป้าหมายเดียวกันในการเอาชนะกลุ่มฮามาส แต่เราเพียงแต่เชื่อว่าคุณต้องการกลยุทธ์ที่สอดคล้องกันและยั่งยืนเพื่อให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น”
เนทันยาฮูและไบเดนได้พูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์เป็นประจำตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่มีรายงานว่าผู้นำทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ไม่สอดคล้องกันนัก แม้ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะให้การสนับสนุนอิสราเอลอย่างไม่มีเงื่อนไขก็ตาม
ที่มา: