เมื่อช่วงปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียได้เปิดร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งแรกในย่านทางการทูตของกรุงริยาด นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ หลังจากการมีคำสั่งห้ามการบริโภคและซื้อขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาตั้งแต่ปี 2495
ร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เปิดใหม่ในย่านการทูตของกรุงริยาดนี้ จะขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เฉพาะนักการทูตที่ไม่ใช่มุสลิมเท่านั้น และการอนุญาตซื้อขายจะต้องได้รับการตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชัน Diplo เท่านั้น
ทั้งนี้ ทางการซาอุดีอาระเบียยังคงไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยว หรือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 21 ปี ที่เดินทางร่วมกับผู้ได้รับอนุญาตการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในร้านค้าได้ อีกทั้งยังมีการห้ามถ่ายภาพโดยเด็ดขาด และผู้เข้าร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องเก็บโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใน “กระเป๋าใส่มือถือ” ที่ปลอดภัยตลอดเวลาขณะอยู่ในร้าน นอกจากนี้ การซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังขึ้นอยู่กับระบบโควต้ารายเดือนต่อบุคคลที่ลงทะเบียนเอาไว้ด้วย
มีข่าวลือแพร่สะพัดมาหลายปีว่าซาอุดีอาระเบียจะอนุญาตให้มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกสถานทูตต่างประเทศได้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการเปิดเสรีสังคมซาอุดีอาระเบีย และดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวต่างชาติให้เดินทางเข้ามายังซาอุดีอาระเบียมากยิ่งขึ้น
แหล่งข่าวที่ไม่ขอเปิดเผยตัวตนระบุกับสำนักข่าว CNBC ว่า นโยบายในครั้งนี้ “เป็นก้าวเล็กๆ ในการเปิดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมในซาอุดีอาระเบียในที่สุด ให้กับโรงแรมและสถานที่อื่นๆ” แหล่งข่าวยังระบุเสริมด้วยว่า วัตถุประสงค์สำคัญของนโยบายนี้ประการหนึ่งคือ “เพื่อจัดการกับปัญหาการลักลอบ (สุรา) เข้าเมืองที่เรามักเจอกับนักการทูต”
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สถานทูตต่างประเทศ สามารถนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อเก็บไว้ในบริเวณสถานทูตได้ อย่างไรก็ดี เป็นที่รู้กันว่าในซาอุดีอาระเบียมักจะมีการนำเข้าเหล้าในปริมาณมากในลักษณะดังกล่าว เพื่อนำมาขายในตลาดมืด
ซาอุดีอาระเบียเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ปกครองโดยพฤตินัยของราชอาณาจักร ขึ้นสู่อำนาจการปกครองประเทศ
วิสัยทัศน์ 2030 ซึ่งเป็นโครงการระดับขนาดยักษ์มูลค่าหลายล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด มีขึ้นเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของซาอุดีอาระเบียแบบใหม่ การดึงดูดการท่องเที่ยว และสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ เพื่อลดการพึ่งพาเศรษฐกิจประเทศจากการผลิตน้ำมันเพียงอย่างเดียว
ซาอุดีอาระเบียเกิดการปฏิรูปเพื่อเปิดความเป็นเสรีมากขึ้น นับตั้งแต่เจ้าชายโมฮัมเหม็ดขึ้นสู่อำนาจ โดยซาอุดีอาระเบียได้ยกเลิกข้อห้ามที่มีมาก่อนหน้านี้ เช่น การห้ามการขับรถของผู้หญิง การแบนโรงภาพยนตร์ และคอนเสิร์ต แต่ในขณะเดียวกัน ทางการซาอุดีอาระเบียยังคงเดินหน้าปราบปรามผู้เห็นต่าง และสั่งจำคุกนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเช่นกัน
ที่มา: