วันนี้ (25 มี.ค.2567) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว การดำเนินคดีปลอมแปลงเอกสารนำเข้าหมูเถื่อน ที่ ห้องแถลงข่าวรัฐสภา
โดย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า นโยบายประกาศทำสงครามกับสินค้าทางการเกษตรที่ผิดกฎหมาย ที่กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ คือการปราบปรามสินค้าเถื่อน ซึ่งหลังจากกรมสืบสวนฯ ได้สุ่มตรวจตู้คอนเทนเนอร์ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อเดือน ธ.ค.2566 พบมีการลักลอบซุกซ่อนชิ้นส่วนเนื้อสุกรปะปนมากับสินค้าประเภทประมง และได้ขยายผลจนนำมา ซึ่งการแจ้งความดำเนินคดีผู้กระทำผิด
ต่อมาได้มีการตั้งวอร์รูมโดยมีผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบพบเอกสารในการปลอมแปลง และได้แจ้งความต่อตำรวจสอบสวนกลาง 20 คดีไปแล้ว และล่าสุดวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราชได้แจ้งความต่อผู้บัญชาการสอบสวนกลางอีก 1 รายทั้งหมด 220 คดี พบว่ามีการปลอมแปลงเอกสารที่ใช้ประกอบในการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำต่อกรมประมง โดยบริษัทดังกล่าวมีการยื่นนำเข้าปลาแซลมอนและปลาจวด แต่นำสินค้าจริงเป็นอีกประเภท คือเนื้อสุกรกว่า 1,859,270 กิโลกรัม เนื้อวัว 4,135,306 กว่ากิโลกรัม ในตู้คอนเทนเนอร์ 220 ตู้ น้ำหนักประมาณ 5.9 แสน กว่ากิโลกรัม สร้างความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท
และนอกจากนี้ได้ให้ผู้แทนกระทรวงเกษตรฯ ไปยื่นดำเนินคดีกับ 3 บริษัท เบื้องต้นมีบางบริษัทที่ตรวจสอบแล้วพบว่า มีการกระทำความผิดโดยปลอมแปลงเอกสารเพิ่มเป็น 2 เท่า คือสร้างความเสียหายประมาณเกือบ 3 พันล้านบาท ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการทำลายภาคการเกษตรทำให้เกษตรกร ผู้เลี้ยงสุกรและโค ได้รับผลกระทบ
อ่านข่าวเพิ่ม : “ผู้เลี้ยงหมู” ยื่นฎีกาเร่งรัดแก้หมูเถื่อน-ต้นทุนอาหารสัตว์
ด้านนายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการนำเข้าส่งออกสินค้าประมงผิดกฎหมาย ตั้งแต่ 1 ก.พ.2567 ได้ระดมนักกฎหมายผู้เชี่ยวชาญด้านเอกสาร และได้หน่วยงานอื่นๆ มาช่วย ซึ่งจากการตรวจสอบสามารถดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ ที่สอบสวนกลางกับบริษัท 3 บริษัท ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการกระทำความผิดคือ ซึ่งเมื่อตรวจเอกสารนำเข้า ของทั้ง 3 บริษัท พบความผิดปกติ 1 ใน 3 บริษัท ได้ปลอมแปลงใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำ นำมาประกอบขออนุญาตนำเข้าต่อด่านตรวจประมงชลบุรี
ต่อมาได้รับการยืนยันจากประเทศต้นทางคือบราซิล ผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศ ว่าเป็นเอกสารปลอม กรมประมงจึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแจ้งความ ร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้ดำเนินคดีผู้ต้องหาบริษัทที่เอ่ยมา 4 ข้อกล่าวหา ความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร ใช้เอกสารปลอม แจ้งความเท็จ และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ด้าน พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กล่าว ถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่า หากพบว่ามีความผิด นอกจากถูกดำเนินคดีทางอาญาแล้ว อีกส่วนหนึ่ง คือความผิดมูลฐานข้อมูลทางการเงิน ที่จะไปดำเนินการทางการแพ่งต่อทุกคดี ดังนั้นนอกจากติดคุกแล้วต้องหมดตัวอีกด้วย
ขณะที่ พ.อ.รวิรักษ์ สัตตบุศย์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช ระบุว่ายังมีคดีลักษณะเดียวกันอีกกว่า 400 กว่าคดี จึงขอให้ติดตามตอนต่อไป ว่าจะมีเคสใหญ่ๆ ที่อยู่ระหว่างรอหลักฐานประกอบ อีก 9 บริษัท หากมีความคืบหน้าจะแถลงข่าวให้ รับทราบต่อไปภายหลัง
ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่ออีกว่า กรณีที่ตนแถลงมานั้น ส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ DSI ดำเนินคดีอยู่ก็จริง แต่บางส่วนก็เป็นประเด็นใหม่ สืบเนื่องจากที่ DSI ดำเนินคดีผู้นำเข้า 161 ตู้ และขยายผลตรวจสอบพบหลักฐาน จึงเป็นที่มาของการดำเนินคดีเพิ่มอีก 220 คดี และเวลานี้ตรวจสอบเบื้องต้นเพิ่มอีก 400 กว่าคดี ความเสียหายเกิดขึ้นกับภาคการเกษตรไม่ต่ำกว่า 3-4 พันล้านบาทหรืออาจจะเหยียบหมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ในขั้นตอนที่จะขยายผลต่อไป
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่านายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับคดีนี้ และอยากให้รับผิดชอบโดยตรง และถ้าเกี่ยวข้องกับคดีเก่าก็จะมีการประสานงานกันกับ DSI นี่ไม่ใช่ไม่ไว้ใจการทำงานของ DSI แต่เป็นการช่วยกันทำงานเพื่อแก้ปัญหา ของเกษตรกรเวลานี้
ส่วนกรณีที่ DSI ระบุว่า จะปิดคดีให้ได้ในเดือน เม.ย. ส่วนตัวประเมินว่าทำงานของ DSI รวดเร็วหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ได้ประสานงานกับ DSI มาโดยตลอด หลายคดีทำงานรวดเร็ว แต่คดีที่เป็นประเด็นใหญ่สร้างความเสียหายกับเกษตร ต้องทำงานใกล้ชิดอย่างละเอียดซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นว่าต้องมอบหมายให้ส่วนของสอบสวนกลางดำเนินคดี
อ่านข่าว : “หน่วย ฉก.พญานาคราช” ยื่นหลักฐานใหม่สำแดงเท็จ “คดีหมูเถื่อน”
ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวว่าหากมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรเข้าไปเกี่ยวข้องการปลอมแปลงเอกสารไม่ว่าระดับไหนก็ตามจะต้องลงโทษโดยไม่มีข้อละเว้น โดยได้มีการสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว
ทั้งนี้ทำตามหน้าที่เพื่อตอบสังคมให้ได้แม้จะเจออุปสรรคอย่างไร ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับแล้วให้เดินหน้าเต็มที่ พร้อมมอบหมายสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ปปง. ตำรวจสอบสวนกลาง ให้สนับสนุนการทำงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เมื่อถามย้ำว่า จะสามารถเอาผิดโค่นต้นตอรายใหญ่ได้หรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส บอกว่าตนไม่อยากใช้คำพูด ว่าโค่นแต่จะทำลายระบบวงจรอุบาทว์นี้ให้ได้ พร้อมย้ำว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยเพิ่มความเข้มข้นในการทำงานมากขึ้น
อ่านข่าวอื่นๆ :
“เศรษฐา” แจงวุฒิฯ คืบหน้า “เงินดิจิทัล-การลงทุน-ไปต่างประเทศ”
“เสรี” ประเดิมอภิปรายรัฐบาล จวกแก้ระเบียบให้คนไม่ติดคุก-จี้เลิกแจกเงินดิจิทัล
26 มี.ค.”ทักษิณ” กลับเพื่อไทย ปัดร่วมบริหารงาน นายเก่ามาเยือน