วันนี้ (26 มี.ค.2567) เมื่อเวลา 11.00 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เดินทางมายื่นหลักฐานเส้นทางการเงินเว็บพนันออนไลน์ให้กับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้มีการตรวจสอบ
อ่านข่าว : “ทนายตั้ม” อ้างขบวนการส่วยตำรวจโยง “บิ๊กต่อ” – เปิด 18 ธุรกิจเก็บค่าตั๋ว
โดยทนายตั้ม ระบุว่าการยื่นเอกสารวันนี้ เป็นข้อมูลเส้นทางการเงินที่มีการเชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์ รวมถึงข้อมูลแชตต่างๆ ให้ตรวจสอบว่ามีการโอนกี่ครั้ง และโอนไปเพื่ออะไร และเพื่อยืนยันว่าการแถลงข่าวเป็นความจริง ทั้งนี้เมื่อเอกสารหลักฐานถึงมือ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ก็มีความมั่นใจขึ้น ทั้งนี้ยังไม่มีการยื่นดำเนินคดีมาตรา 157 กับใคร เพราะรอให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตรวจสอบก่อน พร้อมย้ำว่าวันนี้มาในฐานะคนที่เปิดเผยและพบเห็นการกระทำผิด จึงมาร้องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน
ทนายตั้ม ยังกล่าวถึงเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงมาถึงนักข่าว ยืนยันว่าสมาคมนักข่าวฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องตัวบุคคลที่เป็นอุปนายก และบุคคลดังกล่าวหมดวาระไปเมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้มีการรับเงินจากบัญชีม้าสายเดียวกับที่ตนมาร้องในวันนี้ ซึ่งย้อนตรวจสอบดูตั้งแต่ปี 2563 มีการรับเงิน 15,000 บาท แต่มาปี 2564-2565 ก็เริ่มมากขึ้นเป็นเดือนละ 30,000 – 50,000 บาท โดยย้ำว่ามีการโอนเข้าบัญชีทุกเดือน จึงอยากถามว่าทำไมต้องจ่ายเป็นรายเดือน หรือจ่ายเพื่อที่จะให้ปิดบังเรื่องไม่ดีอะไรหรือไม่
เส้นเงินที่มี มีแค่นักข่าว 2-3 คน ไม่ใช่นักข่าวส่วนใหญ่ และสมาคมนักข่าวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ทราบเรื่องแล้ว ที่ พล.อ.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.เตรียมยื่นฟ้องดำเนินคดีกับตน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าไม่เคยหนักใจ พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย มีสิทธิเท่าเทียมกัน และดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา พร้อมขอบคุณทนายตั้มที่นำข้อมูลมายื่นให้ในวันนี้ และนับเป็นโอกาสดีที่ได้ทำความสะอาดบ้านตัวเอง
อ่านข่าว : ผบช.สอท. สั่งย้าย 2 ตำรวจ หลังถูกพาดพิงเส้นทางเงินเว็บพนัน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังระบุว่า ขอใช้คำหยาบ “ไม่เคยเลียตูดใคร โตมาด้วย 2 ขา 2 มือและสมองตัวเอง” ยืนยันไม่ได้เป็นเด็กใครและไม่ได้เป็นเด็ก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ทำงานตามอุดมการณ์และความถูกต้อง โดยไม่ได้คำนึงว่าจะอยู่ในอาชีพตำรวจได้หรือไม่ได้ ทั้งนี้หากตรวจสอบพบความผิดก็จะดำเนินคดี ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหนก็จับ เพราะไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“บิ๊กต่อ” เตรียมเอาผิด “ทนายตั้ม” ถูกโยงปมส่วยวงการสีกากี
ไม่ต้องการเวทีเปิดใจ “บิ๊กโจ๊ก” ขู่สื่อโยงข่าวคลาดเคลื่อน
“บิ๊กต่าย” ไม่ยุ่งปม 2 บิ๊ก ตร.ยันให้ความเป็นธรรมคนถูกพาดพิงเว็บพนัน
