การปรากฏตัว ณ ผืนแผ่นดินไทยในวันนี้ของ จักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ลี้ภัยที่ต้องระหกระเหินลี้ภัยต่างแดนนับตั้งแต่ เม.ย.2552 จนถึงวันนี้ นานถึง 15 ปี ใน 5 ประเทศ นับเป็นประเด็นร้อนของคอการเมืองมิใช่น้อย
การตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยครานี้ จักรภพให้เหตุผลว่าต้องการกลับมารับใช้ชาติ ที่ต้องออกนอกประเทศเนื่องด้วยปัญหาสุขภาพ และไม่ได้กลับเมืองไทยเพราะเหตุการณ์ไม่เอื้ออำนวย และมาอยู่ต่างประเทศได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของโลก
การกลับมาครั้งนี้เพื่อมอบตัวต่อสู้คดีและออกมาสู่อิสรภาพ และรับใช้บ้านเมืองตามใจปรารถนา
ทันทีที่เหยียบแผ่นดินไทย ตำรวจได้พาตัวจักรภพ เดินทางไปกองปราบปรามทันที เพื่อดำเนินคดีในหมายจับในข้อหาร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นอั้งยี่
- “จักรภพ” ถูกคุมตัวเข้ากองปราบฯ สู้คดีค้างเก่า-อั้งยี่
- ให้ประกันตัว! “จักรภพ” วงเงิน 4 แสนบาทคดีอาวุธปืน-อั้งยี่
ก่อนที่บ่ายวันเดียวกัน จักรภพ ปรากฏตัวต่อสื่อครั้งแรก พร้อมก้มกราบพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ตั้งอยู่บริเวณโถงชั้นล่างกองบังคับการปราบปราม ก่อนทักทายสื่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อารมณ์ดี รวมทั้งทักทายกับแฟนคลับที่มารอให้กำลังใจ
โดยคดีนี้เจ้าหน้าที่ให้ประกันตัวคดีละ 200,000 บาท โดยไม่มีเงื่อนไข และจะต้องมารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนครั้งต่อไป ในวันที่ 22-23 เม.ย.นี้ เบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
เรื่องดีลฟังเหมือนไม่ดี แต่ทุกอย่างที่มาถึงขณะนี้ก็ยอมรับว่ามีการคุยกัน แต่ไม่ได้เป็นการเจรจาเพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง เป็นพูดคุยเพื่อหาจุดร่วมแทนจะหาจุดต่าง
ยอมรับก่อนตัดสินใจเดินทางกลับได้สายตรงหาทักษิณ ชินวัตร 1 ครั้ง คำสำคัญคำหนึ่งที่ทักษิณได้พูดกับตน “หลายอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น”
15 ปีที่ผ่านมา คิดถึงเมืองไทยทุกวัน พ่อแม่ก็เสียชีวิตระหว่างที่ตนเองหลบหนีอยู่ต่างประเทศ ที่ระหกระเหินลี้ภัยไปอยู่ 5 ประเทศ เป็นประเทศที่เข้าใจ และเห็นใจในการต่อสู้ของตนเอง แต่ก็อยู่อย่างมีมารยาทไม่ให้ประเทศนั้นอึดอัด หรือได้รับความเดือดร้อนในภายหลัง
ติดตามข่าวสารประเทศไทยอยู่ตลอดเวลา ลำบากกายไม่เท่าไหร่แต่มีความลำบากใจมากกว่า เวลาผ่านไปทำให้ตนเองคิดอะไรได้เยอะ รู้สึกเสียดายเวลาที่จะรับใช้ประเทศชาติ จากนี้ไปจะตั้งใจว่าจะทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ รับใช้ประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นบทบาทใดก็ตาม
พร้อมยินดีรับใช้ชาติ หากรัฐบาลทาบทาม แต่จะไม่ไปในกรณีที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในภาพรวมและพรรคการเมือง หากมีปัญหา ก็จะอยู่เบื้องหลัง
การที่ตนกลับมา ก็เหมือนหนูลองยา ให้หลายคนมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
- เส้นทางชีวิต “จักรภพ เพ็ญแข” ก่อนลี้ภัยการเมือง 15 ปี
- “จักรภพ” เปิดใจขอโอกาสกลับบ้านในรอบ 15 ปีสู้คดีการเมือง
ทำเอาหลายคนจับจ้องว่าการกลับไทยจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ รวมทั้งเป็นการเดินตามรอย ทักษิณที่เดินทางกลับประเทศไทยมาก่อนหน้านี้ หลังจากนี้คงมีบุคคลเสื้อแดงที่ทยอยเดินทางกลับไทยอีกเป็นแน่แท้ ซึ่งจักรภพเอกก็ออกตัวเพื่อขอเสนอเป็นคนกลางช่วยเหลือคนเสื้อแดงที่ลี้ภัยทางการเมืองกลับมาต่อสู้คดีความ รวมทั้งจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับ คสช.ที่ลี้ภัยอยู่สวีเดน
ส่วนกรณีของ อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เชื่อว่าอยากกลับบ้านเหมือนทุกคน แต่ถือเป็นเรื่องใหญ่ไปสำหรับการช่วยเหลือของตัวเอง
สำหรับเรื่องนี้ นายกฯนิด เศรษฐา ทวีสิน ตอบเพียงสั้นๆ ใครที่มีปัญหาในอดีต ถ้ากลับเข้ามาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขอใช้คำนี้เป็นหลัก
อ่านข่าว : คิวต่อไป! จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อาจกลับไทย
ร้อนแรงไม่แผ่วและท่าทียืดเยื้อกับวงการสีกากี ล่าสุดกรณีที่ ทนายตั้ม ได้ออกมาเปิดโปงถึงเส้นทางการเงินของเว็บพนันออนไลน์ที่เชื่อมโยงกับบิ๊กตำรวจ ล่าสุดวันนี้ (28 มี.ค.) ทนายตั้มได้ยื่นข้อมูลหลักฐานให้กับ “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้มีการตรวจสอบ พร้อมยืนยันว่าในฐานะคนที่พบเห็นการกระทำความผิดคนหนึ่ง ไม่ได้หิวแสงตามที่ถูกตั้งข้อสังเกตแต่อย่างใด
ขณะที่ “บิ๊กเต่า” ไม่หนักใจ พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย
“ไม่เคยเลียตูดใคร โตมาด้วย 2 ขา 2 มือและสมองตัวเอง” คำยืนยันหนักแน่นของบิ๊กเต่า พร้อมระบุว่าไม่ได้เป็นเด็กใครและไม่ได้เป็นเด็ก “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ผบ.ตร.
หากตรวจสอบพบความผิดใครกระทำความผิดไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหนก็จับ เพราะไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง
ฝากฝั่งทีมทนายความของ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้เตรียมเอกสารเพื่อยื่นฟ้องทนายตั้ม จากกรณีที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลหลักฐานเส้นทางเงินเว็บพนันที่เชื่อมโยงถึงญาติบิ๊กต่อ ทำให้ได้รับความเสียหาย พร้อมเตรียมตั้งโต๊ะแถลงในวันพรุ่งนี้ (29 มี.ค.)
และล่าสุดคณะพนักงานสอบสวนในคดี มีมติออกหมายเรียก “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ครั้งที่ 3 โดยมีการออกหมายเรียกเป็นที่เรียบร้อยแล้ววานนี้ (27 มี.ค.) โดยการออกหมายเรียกดังกล่าว จะต้องดำเนินการส่งหมายเรียกให้กับตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ด้วยตนเอง
ซึ่งขณะนี้ในส่วนของหมายเรียกดังกล่าว มีการส่งไปถึงผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเป็นที่เรียบร้อย สำหรับหมายเรียกครั้งนี้ มีกำหนดเรียกเข้าพบในวันที่ 1 เม.ย. ที่จะถึงนี้ ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2)
เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา สมคบกันฟอกเงินและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน กรณีพบความเชื่อมโยงทางการเงิน กับผู้ต้องหาในคดีเว็บพนันออนไลน์เครือข่าย “เจ้พิมพ์” โดยรอบนี้กำหนดให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 1 เม.ย. หากครั้งนี้บิ๊กโจ๊กไม่มาตามกำหนดนัด พนักงานสอบสวนอาจจะร้องขอหมายจับตามขั้นตอนกฎหมาย
เรื่องนี้ร้อนไปถึงสภาทนายความฯ ที่วันนี้นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้เดินทางยื่นหนังสือเพื่อให้ตรวจสอบ ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีนักข่าวรับเงินจากแหล่งข่าว ซึ่งตั้งขึ้นตั้งแต่เกิดคดีที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.และปรากฏข้อมูลว่ามีนักข่าวบางส่วนรับเงินจากแหล่งข่าว
รวมถึงการแถลงข่าวของทนายตั้มเมื่อวันที่ 26 มี.ค.โดยอ้างชื่อ ตัวย่อ “ว.” ตำแหน่งอุปนายกสมาคมฯ รับเงิน
อ่านข่าวอื่นๆ :
นายกสมาคมนักข่าวฯ ยื่นสภาทนายความ สอบปมนักข่าวรับเงินเว็บพนัน
“ทนายตั้ม” ยื่นหลักฐานสอบบิ๊ก ตร.โยงเว็บพนัน “บิ๊กเต่า” ยันไม่ละเว้นหากผิด