มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (ซอยด๊อก) ช่วยเหลือลูกแมว 42 ตัวป่วยหนักอ่อนเพลียจากการเดินทางไกล หลังถูกหญิงสาวนำออกจากวัดใส่กรงขังรวมกันมาทิ้งไว้ริมถนนนอกกำแพงของมูลนิธิฯ ล่าสุดผู้ก่อเหตุต้องโทษปรับตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 จำนวน 10,000 บาทแล้ว
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2566 นางสาวเอ (นามสมมุติ) ได้นำลูกแมวจำนวน 42 ตัวจากวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสุราษฎร์ธานีเดินทางมายังจังหวัดภูเก็ต โดยแจ้งกับพระผู้ดูแลแมวว่าคาเฟ่แมวแห่งหนึ่งต้องการอุปการะลูกแมวเหล่านี้ จากนั้นจึงนำลูกแมวทั้ง 42 ตัวขังรวมกันในกรงขนาดเล็ก 3 กรงวางไว้ท้ายรถกระบะเปิดโล่งและขับรถกลางสายฝน 4 ชั่วโมงมาที่ถนนหน้าศูนย์พักพิง ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยว่า รถกระบะคันดังกล่าวได้นำลูกแมวมาทิ้งไว้ริมถนนนอกกำแพงของศูนย์พักพิงของมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย บ้านไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
จากนั้นได้มีพลเมืองดีแจ้งเหตุมาที่มูลนิธิฯ สัตวแพทย์ได้ให้การช่วยเหลือลูกแมวเป็นกรณีฉุกเฉินทันทีเนื่องจากร่างกายอ่อนเพลียและขาดน้ำอย่างรุนแรงจากการเดินทางระยะไกลและตากฝน ประกอบกับการกักขังรวมกันจำนวนมากทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปสู่ลูกแมวด้วยกันเอง จนทำให้มีลูกแมวเสียชีวิต 12 ตัว ระหว่างการรักษา
ฝ่ายเปลี่ยนแปลงสังคมของมูลนิธิฯ ได้ตรวจสอบไปที่วัดแห่งนี้ โดยสอบถามกับพระซึ่งแจ้งว่าลูกแมวเหล่านี้เป็นแมวในความดูแล ตนเมตตาให้ข้าวให้น้ำโดยตลอด ทั้งสุนัขและแมวที่อยู่ในวัดก็ได้ทยอยทำหมันฉีดวัคซีนโดยมีอาสาสมัครพาไปทำและมีสัตว์บางส่วนที่ตนออกค่าใช้จ่ายเอง โดยกล่าวว่าที่ยินยอมให้นางสาวเอนำลูกแมวไปเพราะเข้าใจว่าแมวทั้งหมดได้บ้านใหม่ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีกว่าการอยู่ที่วัด แต่ไม่ทราบเลยว่านางสาวเอจะทำเช่นนั้น และยืนยันว่าแมวทุกตัวได้รับการดูแลตามสมควรและไม่จำเป็นต้องย้ายถิ่นฐาน
ด้านนางสาวเอให้ข้อมูลว่าตนสงสารความเป็นอยู่ของลูกแมวเหล่านี้จึงต้องการช่วยเหลือ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการทารุณกรรมสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ตได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องหญิงสาวคนดังกล่าว ขณะนี้ต้องโทษปรับตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 แล้วจำนวน 10,000 บาท ส่วนลูกแมวที่รอดชีวิตทั้งหมดได้รับการรักษา ทำหมัน ฉีดวัคซีนและส่งกลับวัดซึ่งพระที่วัดยินดีที่จะดูแลแมวต่อ โดยมูลนิธิฯ ได้ทำหมันและฉีดวัคซีนให้แก่สุนัขและแมวทุกตัวในบริเวณวัดแล้ว
ศักดาพล ทองจันทร์ ผู้จัดการฝ่ายเปลี่ยนแปลงสังคมซอยด๊อกกล่าวว่า สุนัขและแมวในชุมชนทุกตัวสามารถอยู่ในพื้นที่เดิมของตัวเองได้เพียงแค่มีผู้มีเมตตาดูแลคอยให้ข้าวให้น้ำ (Feeder) สิ่งที่ต้องจัดการคือการทำหมันและฉีดวัคซีน ตลอดจนการดูแลสุขภาพให้กับสัตว์ทุกตัวเพื่อไม่ให้เพิ่มจำนวน มีสุขภาพแข็งแรงและยังเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ช่วยป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและโรคติดต่ออื่นๆในสุนัขและแมวในพื้นที่อีกด้วย การย้ายสัตว์เข้าศูนย์พักพิงไม่เป็นการแก้ปัญหาสัตว์จรจัดแต่อย่างใด สำหรับกรณีทิ้งสัตว์ที่เกิดขึ้น มูลนิธิฯ เข้าใจว่าผู้กระทำผิดมีเจตนาอยากให้ลูกแมวได้รับการดูแลที่ดีขึ้น แต่การทิ้งสัตว์เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และการเคลื่อนย้ายลูกแมวด้วยวิธีดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่คำนึงถึงหลักสวัสดิภาพสัตว์โดยสิ้นเชิง
ทั้งนี้การย้ายถิ่นฐานของลูกแมวทั้ง 42 ตัวดังกล่าว มีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์. พ.ศ. 2557 ในมาตรา 23 ห้ามมิให้เจ้าของสัตว์ปล่อย ละทิ้ง หรือกระทําการใด ๆ ให้สัตว์พ้นจากการดูแล ของตนโดยไม่มีเหตุอันสมควร ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท