วันนี้ (3 เม.ย.2567) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงกรณีการใช้งบประมาณที่ทางรัฐบาลเผชิญมาในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะการใช้งบประมาณปี 2566 ไปพลางก่อน เนื่องจากงบประมาณยังไม่ได้รับการเห็นชอบ
ซึ่งในความเข้าใจที่บอกว่า รัฐบาลได้ใช้งบประมาณไปแล้วไม่ต่ำกว่า 40 % ข้อเท็จจริงถูกครึ่งหนึ่ง คือทางรัฐบาลมีการใช้งบประมาณไปพลางก่อน ผ่านงบประมาณไปกว่า 40 % เป็นงบประมาณเรื่องเงินเดือนและรายจ่ายประจำ ซึ่งมีรายจ่ายเรื่องของงบผูกพันที่มีมาก่อนหน้า เช่นงบประมาณผูกพันในปี 2566 และมีความต่อเนื่องมาถึงปี 2567
โดยยืนยันว่า ไม่มีการใช้งบประมาณโครงการลงทุนใหม่แต่อย่างใด ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดที่เผชิญมา จนถึงขณะนี้ไม่มีงบประมาณที่เป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลได้กำกับจนกระทั่งงบประมาณปี 2567 ผ่าน และหากประกาศใช้ก็จะมีงบประมาณสำหรับการขับเคลื่อนประเทศให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและของแต่ละกระทรวงทบวงกรมที่กำกับดูแลได้
อ่านข่าว : เริ่มแล้ว ! อภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ฝ่ายค้าน-รัฐบาล เต็มห้องประชุม
ขณะเดียวกันนายจุลพันธ์ ยังระบุอีกว่า ตนเป็นห่วงการอภิปรายพอสมควร เนื่องจากใช้คำพูดที่ค่อนข้างแรง ทั้ง “เศรษฐีไหน จะโง่มาลงทุน” ตนต้องชี้แจงว่า แม้จะแสดงข้อห่วงใยในการที่ นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยือนต่างประเทศ ไปแสวงหาเม็ดเงินลงทุนและพันธมิตร ไปแสดงจุดยืนว่าประเทศไทยเปิดกลับมาสู่ตลาดโลกอีกครั้ง
ตนในฐานะที่เป็น รมช.คลัง สิ่งที่นายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการไปได้รับสัญญาณในทางบวกจากผู้ลงทุนภาคเอกชนนานาชาติ แต่ต้องยอมรับว่า กระบวนการลงทุนลักษณะนี้ เงินแสนล้านไม่มีใครตัดสินใจได้ในวันเดียว
กระบวนการหลังจากให้ความสนใจแล้ว ก็ต้องมีกระบวนการในการติดตามพูดคุย และเจรจาให้เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งทางรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีหลายท่านได้เดินทางไปต่างประเทศ และตนได้มีโอกาสไปติดตามภารกิจ และสิ่งที่นายกรัฐมนตรีได้เปิดการเจรจาและเปิดการหาหรือไว้ ซึ่งได้รับสัญญาณเชิงบวกมา ซึ่งตนเชื่อว่าอีกไม่นาน
แม้ว่าวันนี้ตัวเลขของการลงทุนสัญญาณเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากประเทศไทยเต็มไปด้วยศักยภาพ ทั้งจุดที่ตั้ง และทรัพยากรทางธรรมชาติ ศักยภาพแรงงาน ซึ่งไทยมีแรงจูงใจ และศักยภาพที่จะไปขาย เพื่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
ตนเชื่อว่า สามารถใช้คำนี้ได้ว่า “เราจะได้เห็นสึนามิ ของการลงทุนเกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงปี 1-2 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน” จากการลงทุนของต่างชาติที่จะไหลเข้ามาสร้างงานสร้างเงินสร้างอาชีพและมีการถ่ายโอนความรู้เทคโนโลยี เพื่อที่จะให้คนไทยมีความพร้อมรองรับตลาดโลกที่มีความเปลี่ยนแปลงไป
เราจะได้เห็นสึนามิของการลงทุนของต่างชาติ เกิดขึ้นในช่วง 1-2 ปีนี้ อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันนายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า ประเด็นห่วงใหญ่เรื่องสายงานการบังคับบัญชา สรุปว่า ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี และยังมีท่านใดอีกหรือไม่ ตนในฐานะที่เป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี ตนเชื่อว่า สามารถพูดแทนคณะรัฐมนตรีทุกคนได้ว่า สิ่งนี้เป็นจินตนาการของท่านเอง ไม่ได้มีข้อเท็จจริงใดๆ
ประเทศไทยเรามีนายกรัฐมนตรี 1 คน คือนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของคณะรัฐมนตรี และการทำงานของพวกเรา และการดำเนินการของพวกเราขึ้นตรงกับนายกฯ ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล เป็นไปตามกลไกของรัฐบาลและกฎหมายทุกประการ
อ่านข่าว : สภาฯ หารือ 3 ฝ่าย ยืนยันฝ่ายค้าน 22 ชั่วโมง รัฐบาล 6 ชั่วโมง ไม่ขยายเป็น 3 วัน
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนจะลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้งในประเด็นที่เกี่ยวข้องอย่างโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และยืนยันว่า 10 เม.ย.มีข่าวดีให้กับประชาชนคนไทยทุกคนอย่างแน่นอน