‘ภูมิธรรม’ แจงยับผลงานรัฐบาล 6 เดือน ชี้ ไม่มีเงิน แต่เพื่อนเยอะ หยุดสร้างวาทะกรรม ขอใช้เวทีนี้ในทางสร้างสรรค์ อย่าหาประโยชน์ทางการเมือง ย้ำ ไม่ใช่อภิปราย 151 ประเทศชาติเป็นของทุกคนไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง
ในการอภิปรายทั่วไป แบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงว่า เมื่อเช้านี้ มี สส. หลายคนอภิปรายว่านายกไปต่างประเทศไปทำการตลาดหรอทำตลก มองแล้วเสียดายที่จะให้กำลังใจกันกลับทับถมกันในเรื่องไม่ดี การไปต่างประเทศได้พูดคุยเจรจากับบริษัทใหญ่ ๆ หลายบริษัทในต่างประเทศมีการเซ็น MOU เพื่อร่วมลงทุนในไทย สส. ฝ่ายค้านโกหกตัวเองหรือไม่ ไทยมีศักยภาพในการพัฒนา และยกระดับตัวเองในเวทีโลก เพราะเคยอยู่ในยุครัฐบาลรัฐประหารหรือไม่ จึงคุ้นชินกับภาพแบบนั้น ขอให้ทุกฝ่ายสร้างความมั่นใจ สร้างความน่าเชื่อถือ การเสียดสีนั้นไม่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติเลย
จากการกล่าวว่า หลายเรื่องยังไม่ได่ดำเนินการเพราะยังไมามีงบประมาณ เกิดการคอร์รัปชันนั้น 6 เดือนที่ผาสนมา ทำโครงการไปแล้วโดยยังไม่ได้ใช้เงิน รัฐบาลนี้เงินน้อย แต่เพื่อนเยอะ เงินไม่ได้มีค่าอะไร เช่นเดียวกับกระทรวงพาณิชย์ที่กำกับดูแลอยูา นำซีรีส์วาย ยูริ โรดโชว์ทำให้เป็นอันดับ 1 ในหลายประเทศ จึงอยากเรีกยรเองว่าเงินที่มีจำนวนมากนั้นมาจากเงินเดือนข้าราชการ ไม่ได้เป็นงบลงทุน อย่าพูดความจริงครึ่งเดียว ต้องมองความจริง
เมื่อเช้ามีสมาชิกพูดว่าการส่งออกช่วงนี่ย่ำแย่นั้น ก่อนรัฐบาลนี้เข้าบริหารในเดือนมกราคม 2566 การส่งออกติดลบ ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2566 ติดลบเพียง 1% เท่านั้น ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเชิงรุก มีการเยือนประเทศผู้ค้าทางยุทธศาสตร์ อย่างประเทศจีนเองได้มีการพูดคุยกับประธานหอการค้าในหลาย ๆ มณฑล การเจาะตลาดจีนนั้นเล็งเห็นว่าเป็นตลาดที่มีประชากรและการอุปโภคบริโภคเยอะ ทำให้มีเม็ดเงินเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ยืนยันว่าไม่ได้อยู่นิ่ง การเดินทางไปเยือนของนายกรัฐมนตรีไม่ใช่การ สร้างชื่อเสียงเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการต่อยอดความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างไทยและจีน และไม่ได้ใช้งบประมาณเยอะมีเพียงค่าเดินทางและค่าที่พักของทีมงานที่ไปด้วยเท่านั้น
การเปิดการค้าตลาดใหม่ และต่อยอดการค้าตลาดเดิมนั้น ไม่เพียงแค่ในมณฑลใหญ่ ยังมีการขยายตลาดไปยังเมืองรอง นอกจากนี้ไม่ได้ยึดเพียงแค่ตลาดจีน ยังได้เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อให้กลุ่ม influencer ทางโซเชียลมีเดีย ได้ลิ้มลองอาหารไทย เพื่อประชาสัมพันธ์อาหารไทย สิ่งเหล่านี้เป็นการทำงานในช่วงที่ไม่มีเงินของรัฐบาลชุดนี้
และจากการพูดคุยกับกลุ่มชิโนเป็ก ซึ่งเป็นผู้ขายน้ำมันรายใหญ่และมีปั๊มน้ำมันกว่า 30,000 แห่งในประเทศจีนให้เซ็นเอ็มโอยูกับไทยและนำข้าวหอมมะลิของไทย ให้กับลูกค้าของปั๊ม หากเติมน้ำมันตามที่กำหนด สิ่งเหล่านี้คือผลงานที่รัฐบาลซึ่งถูกกล่าวหาว่าไม่ได้ทำอะไรเลย มัวแต่โชว์ ขอฝ่ายค้านช่วยกันทำงาน และเชื่อว่าหากมองตรงประเด็น ความเป็น สส. ซึ่งยังเป็นคนหนุ่มสาว จะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ดีกว่าเอาวาทะกรรม การเสียดสีมาต่อว่ากัน ดังที่บอกว่าจะทำการเมืองใหม่ด้วยกัน ฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลสามารถทำงานร่วมกันได้
หลังจากนั้นนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส. ระยอง พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงต่อผู้ชี้แจง ว่า ขอให้ชี้แจงในกรอบ เพราะพ่นคำว่าวาทะกรรมหลายรอบแล้ว ขอให้รักษาเวลา
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ทุกอย่างที่พูดนั้นอยู่ในกรอบเวลาฝ่ายค้านมีเวลาตั้งเยอะ ขออย่ากลัวการชี้แจง ขอให้ทั้งสองฝ่ายมีเหตุผลและประชาชนจะเป็นคนตัดสิน และการอภิปรายทั่วไป 152 นั้น ควรอยู่ในกรอบที่พอดี ไม่ใช่การอภิปรายเหมือนมาตรา 151 ประเทศชาติเป็นของทุกคนไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง อยากเห็นการใช้เวทีนี้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทางการเมือง
