วันนี้ (4 เม.ย.2567) ในการอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายทวงถามถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลสัญญาไว้กับประชาชนว่า การกระทำของรัฐบาลเป็นเหมือนตลกหกฉาก โดยฉากสุดท้ายที่ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตัดสินเกี่ยวกับการประชามติ ไม่ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเมื่อใด
ซึ่ง 6 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ทั้งที่ย้ำว่ามีวิกฤตความเห็นต่างที่จะแก้ไข ข้อสรุปไตรมาสแรก ของปี 2567 แต่เลยเวลาแล้ว 3-4 วัน แต่ในมิติของรัฐธรรมนูญ อยู่จุดเดิม และให้อำนาจตุลาการเป็นผู้ตัดสินเรื่องดังกล่าว
- “วิโรจน์” ชี้มีคนต่อสายถึง ทร.ขอคุยเรื่อง “เรือฟริเกต”
- “ชัยชนะ” จี้ “เศรษฐา” ระบุให้ชัด พรรคไหนขอเข้าร่วมรัฐบาล
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังล่าช้าต่อไป อาจสร้างความเสียหายที่ประเทศไทยสูญโอกาสมีรัฐธรรมนูญใหม่ใช้ก่อนการเลือกตั้ง เพราะตามกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่หากรัฐบาลดำเนินการตั้งแต่แรก จะใช้เวลาตามเทอมของรัฐบาลและก่อนการเลือกตั้ง
แต่หากต้องรอฟังศาลรัฐธรรมนูญ ที่ผลอาจออกมาได้สองทาง คือ ทำ ประชามติสองครั้ง เป็นไปได้ที่จะจัดรัฐธรรมนูญใหม่ และกฎหมายประกอบได้ทันกรอบสี่ปี แต่หากทำประชามติสามครั้ง เสี่ยงต้องกลับมาเริ่มต้นกระบวนการใหม่ และไม่ได้รัฐธรรมนูญใหม่ และ กฎหมายประกอบก่อนการเลือกตั้ง
นายพริษฐ์ อภิปรายต่อว่า ตนขอฟันธงว่า แม้มีรัฐธรรมนูญใหม่ ในรัฐบาลเศรษฐา แต่รัฐบาลของนายเศรษฐาที่ตั้งได้ และอยู่ได้ จากใบบุญอำนาจเดิม ดังนั้นไม่ไว้ใจให้ประชาชนออกแบบการเมืองและจัดทำกติกาสูงสุดตามที่ประชาชนคาดหวัง
ทั้งนี้ขอทำนายว่า รัฐบาลจะมีไพ่ไม้ตายที่เตรียมมาใช้ คือ
1.สสร.สูตรผสม จากการเลือกตั้งและแต่งตั้ง เพื่อให้โหวตแข่งในประเด็นที่ต้องการผลักดัน
2.กินรวบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่หมกเม็ดไว้ใน ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ซึ่งยื่นเมื่อต้นปี 2567 ผ่านกลไกของคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มีสัดส่วนจากรัฐบาลและ สส.ฝ่ายรัฐบาลมากกว่าฝ่ายค้าน
3.ด่านทางผ่านวุฒิสภา ที่ได้สิทธิเห็นชอบเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญที่ สสร.ยกร่าง ก่อนนำไปทำประชามติ แม้ว่าจะมี สว.ชุดใหม่ เชื่อว่ายังยึดโยงกับเครือข่ายอำนาจเดิม
“ผมทำนายว่า รัฐบาลคิดค้นและทยอยใช้เพื่อควบคุมรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งนี้หากคำทำนายเป็นจริง คือรัฐบาลเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่มากกว่าประชาชน เพราะรัฐบาลผลิตนวัตกรรมล็อกสเปกรัฐธรรมนูญ แบบนี้คือประชาธิปไตยที่ขอใบอนุญาต”
ผมเห็นท่าทีของพรรคเพื่อไทยพยายามออกแบบกลไกให้อำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งแทรกแซง ขอถามนายกฯ ที่มาจากพรรคเพื่อไทยว่าเชื่อในอำนาจประชาชนหรือไม่ หากการพ่ายในสนามเลือกตั้งครั้งแรก จึงมองว่าไม่ได้เปรียบในสนามเลือกตั้ง จึงต้องหากระบวนการ
นายพริษฐ์ อภิปราย
นายพริษฐ์ อภิปรายด้วยว่า ตนขอให้รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ต้องการกินรวบ และไม่ต้องขอใบอนุญาตจาก สว. ก่อนการทำประชามติ เพื่อให้ความหวังประชาชนที่ต้องการเห็นประชาธิปไตยเต็มใบไม่แตกสลาย
ดังนั้นตนขอเสนอแนะต่อการทำประชามติ ว่า ให้ปฏิเสธคำถามยัดไส้ ต้องตั้งคำถามเปิดกว้าง และสนับสนุน สสร.ที่มาจากการเลือกตั้ง 100 % สนับสนุนการแก้ไขรายมาตราให้เป็นประชาธิปไตยและสนับสนุนเร่งแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ ที่รออยู่ในระเบียบวาระประชุม
“ความสำเร็จ หรือ ล้มเหลวของรัฐบาล ต่อการผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นประชาชนในความจริงใจและรักษาคำพูดและสัจจะที่ให้ไว้ประชาชน” นายพริษฐ์ กล่าว
อ่านข่าว : จับกระแสการเมือง 3 เม.ย.67: ศึกซักฟอก นายกฯ แมลงวันVS ฝ่ายค้านแมลงหวี่ที่โลกงง
“ศิริกัญญา” เปิด 3 แหล่งเงิน “ดิจิทัลวอลเล็ต” อัดรัฐบาลขายผ้าเอาหน้ารอด