หน้าแรก Thai PBS “วิโรจน์” ชี้มีคนต่อสายถึง ทร.ขอคุยเรื่อง “เรือฟริเกต”

“วิโรจน์” ชี้มีคนต่อสายถึง ทร.ขอคุยเรื่อง “เรือฟริเกต”

78
0
“วิโรจน์”-ชี้มีคนต่อสายถึง-ทร.ขอคุยเรื่อง-“เรือฟริเกต”

วันนี้ (4 เม.ย.2567) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.ก้าวไกล อภิปรายทั่วไปรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ถึงนโยบายการปฏิรูปกองทัพของรัฐบาล ว่า เป็นการนำนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี มาทำต่อ และใช้คำพูดให้ประชาชนเชื่อว่านี่คือการปฏิรูปกองทัพ

พร้อมยืนยันว่า การปฏิรูปกองทัพไม่ใช่การด้อยค่ากองทัพอย่างที่นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เคยให้สัมภาษณ์ แต่เป็นกระบวนการที่ทำให้ความสัมพันธ์ของกองทัพกับประชาชนดีขึ้น เพราะไม่ใช่นั้นทุกการกระทำของกองทัพจะถูกประชาชนตั้งคำถาม หากปล่อยไว้จะส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์และทำงานได้ยาก และท้ายที่สุดจะมีกลุ่มก้อนทางการเมืองฉวยโอกาสจากอคติของประชาชนไปต่อรองเอาผลประโยชน์จากงบประมาณของกองทัพ

พอกองทัพจะยืนยันจะเอาให้ได้ ประชาชนขอตรวจสอบไม่ให้ตรวจ โดยอ้างว่าเป็นงบลับ อ้างเรื่องความมั่นคง แล้วดื้อตาใสฝืนทำฝืนซื้อ ไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน

นายวิโรจน์ ระบุอีกว่า มีสายข่าวจากกองทัพเรือ (ทร.) ระบุว่า เรือฟริเกต วงเงิน 17,000 ล้านบาท มีการใครบางคนพยายามต่อสายคุยกับ ทร. แต่ ทร.ปฏิเสธ โดยยอมถูกตัดงบเหลือเพียง 850 ล้านบาท พร้อมตั้งคำถามว่า หากกองทัพไม่ส่งเงินทอนให้ ก็จะตัดงบประมาณของกองทัพเช่นนั้นหรือ

สส.ก้าวไกล ระบุอีกว่า กองทัพเรือขอจัดซื้อเรือฟริเกตในปีงบประมาณ 2567 และถูกตัดงบทิ้งทั้งที่มีการนำข้อมูลอย่างละเอียดมาชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการฯ โดยมีเพียงอนุกรรมการฯ ของพรรคก้าวไกลเท่านั้นที่อนุมัติให้ซื้อ

ปัจจุบัน ทร.มีเรือฟริเกต 4 ลำจากความต้องการ 8 ลำ ซึ่งในอีก 2 ปี เรือฟริเกตไทยจะต้องปลดระวางอีก 1 ลำ ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอกับการประจำการทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย และหากเทียบจำนวนเรือรบโดยเฉพาะเรือฟริเกต กับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซียหรือกัมพูชา ถือว่ากองทัพเรือของไทยมีศักยภาพต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.ก้าวไกล

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.ก้าวไกล

นายวิโรจน์ ย้ำว่า การจัดซื้อเรือฟริเกตลำนี้จะเป็นการต่อเรือรบขนาดใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย และได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีอุตสาหกรรมต่อเรือในประเทศ เกิดการจ้างงานและซื้อวัสดุในประเทศมหาศาล ดังนั้นการตัดงบประมาณครั้งนี้จึงเป็นการตัดโอกาสประเทศ และอาจจะต้องรอถึงปี 2569 กองทัพเรือถึงจะสามารถของบประมาณใหม่ได้

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของเหล่าทัพ โดยตั้งคำถามว่าเหตุใดไม่ซื้ออาวุธกับผู้ประกอบการในประเทศ ซึ่งมีที่ตั้งเป็นหลักแหล่ง มีอะไหล่สำรองและมีวิศวกรซ่อมบำรุง แต่กลับจัดซื้อกับโบรคเกอร์ที่อ้างเป็น SMEs และใช้ช่องว่างทางกฎหมายล็อบบี้ เคลียร์เงินทอน ยกเว้นภาษีและนำอาวุธจากต่างประเทศมาขายให้กับกองทัพ และเมื่อชำรุดก็ต้องรออะไหล่นาน หรือไม่ก็ปิดบริษัททิ้ง

ช่วงหนึ่ง นายวิโรจน์ ได้เปิดคลิปงานสัมมนาทิศทางอุตสาหกรรมเพื่อความมั่นคง ที่นายสุทิน ระบุว่า ขอให้สภากลาโหมจัดซื้อยุทโธปกรณ์ในประเทศ หรือหากซื้อไม่ได้ก็ขอให้มีเงื่อนไขในการซื้อชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ หรือถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ ด้วยว่านายสุทิน เป็น รมว.กลาโหม มีอำนาจสั่งการ แต่กลับขอกองทัพ จึงทำให้รู้สึกสิ้นหวังและยืนยันได้ว่าหากนายสุทิน ยังเป็นรัฐมนตรี จะทำให้ธุรกิจอุตสาหกรรมป้องกันประเทศมีแต่ความมืดมน

นายวิโรจน์ ยังเห็นว่า นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลในการบริหารกองทัพ ไม่ได้มีนโยบายใหม่ แต่เป็นนโยบายของอดีตนายกฯ คนก่อนหน้านี้ จึงอยากถามนายสุทินว่า กล้ามองหน้ากองทัพเรือที่ยึดหลักและรายละเอียด เพื่อให้เกิดอุตสาหกรรมการต่อเรือในประเทศไทยหรือไม่

ขอให้นายสุทินหยุดเล่นละครการพัฒนาร่วมกัน เพราะละครเช่นนี้จะไม่สามารถหวังคะแนนเลือกตั้งได้อีกแล้ว เพราะประชาชนกินข้าว ไม่ได้กินช็อกมินต์

“เศรษฐา” ลั่นผิดหวัง ฝ่ายค้านซักฟอกเรื่องเดิม

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชี้แจงกรณีฝ่ายค้านวิพากษ์เรื่องกองทัพและกระทรวงกลาโหม โดยระบุว่า ตนฟังฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์เรื่องกระทรวงกลาโหม เรื่องกองทัพ จริงๆ แล้วเป็นเรื่องเดิมๆ ซึ่งผิดหวังนิดหน่อย เพราะเป็นอะไรที่มีแต่น้ำทั้งนั้น พร้อมยืนยันว่า กองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่ความมั่งคั่งของคนใดคนหนึ่ง

การใช้วาทกรรมด้อยค่าต่างๆ ภาพลักษณ์เรื่องความตกต่ำ ใช้ IO ดำมืดล้ำลึก ต่างๆ เหล่านี้ขอให้รัฐบาลบริหารงานให้ครบ 4 ปี และประชาชนจะตระหนักว่าคนที่ใช้ IO หรือพยายามครอบงำให้ประชาชนหน้ามืดตามัวจริงๆ แล้วคือใคร

นายกฯ กล่าวอีกว่า สิ่งที่กระทรวงกลาโหมพยายามทำ เป็นการพัฒนาร่วมกัน เรามีความเห็นต่าง แต่ 7 เดือนก็มีการพัฒนาในทางที่ดีขึ้น ทั้งการสมัครใจเกณฑ์หทาร หรือการซื้ออาวุธกองทัพ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม

ทั้งนี้ ตนได้พูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพและ รมว.กลาโหม ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องให้ความสำคัญ ไม่ใช่ไปเอาอาวุธเข้ามาแล้วเอาอย่างอื่นเข้ามาด้วย ซึ่งเราพยายามทำอยู่ ฉะนั้นขอใช้เวลาสักระยะถึงจะมีผลงานของรัฐบาลที่พยายามทำอย่างต่อเนื่อง

ส่วนเรื่องถูกกล่าวหาเรื่องเงินทอน นายกฯ ระบุว่า มีการพูดมาหลายหน ฉะนั้นตนขอบอกว่าหากมีเงินทอน ก็ขอให้มีหลักฐานมา รวมถึงเรื่องเรือฟริเกตที่ท่านเชียร์ ตนก็พูดกลับไปว่าถ้ามีเงินทอนก็ไม่พอใจเหมือนกัน ฉะนั้นเรื่องพวกนี้ควรนำหลักฐานมาพูดคุยกันดีกว่า ส่วนที่จะให้เรือฟริเกตมาต่อที่ประเทศไทย ตนมองว่าถูกต้องและดี แต่จะมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในหลายมิติ ซึ่งเราพยายามพูดคุยกันอยู่เพื่อให้กองทัพไทยได้สิ่งที่ดีที่สุด

ฟังมา 40 นาทีก็เป็นฝ่ายค้านที่งงอยู่เหมือนกัน เพราะพยายามเอาเรือประมงทำแทนเรือรบ แต่วันนี้จะมาสนับสนุนให้ซื้อเรือรบ ยืนยันกองทัพมีไว้เพื่อปกป้องประเทศ

อ่านข่าวอื่นๆ

“ชัยชนะ” จี้ “เศรษฐา” ระบุให้ชัด พรรคไหนขอเข้าร่วมรัฐบาล

“บิ๊กเต้” พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล อดีต รสช. ถึงแก่กรรม อายุ 91 ปี

“เศรษฐา” ปัดครอบงำแต่งตั้งโยกย้าย ตร. ลั่นส่งหลักฐานอย่าเป็นจิ้งจกทัก

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่