หน้าแรก Thai PBS หร่อยจังฮู้! “เศรษฐา” กินมื้อเที่ยงแกงไตปลาบนเกาะสมุย

หร่อยจังฮู้! “เศรษฐา” กินมื้อเที่ยงแกงไตปลาบนเกาะสมุย

104
0
หร่อยจังฮู้!-“เศรษฐา”-กินมื้อเที่ยงแกงไตปลาบนเกาะสมุย

วันนี้ (7 เม.ย.2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยในระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และจ. นครศรีธรรมราช 6-8 เม.ย.นี้ โดยพักรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารชื่อดังของเกาะสมุย 

โดยหนึ่งเมนูบนโต๊ะอาหารของนายกรัฐมนตรี ได้มีเมนูแกงไตปลา หลังเมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีได้โพสต์แอปพลิเคชัน X ถามหาร้านอาหารเด็ด ที่มีเมนู “แกงไตปลา” หลังเมนูดังกล่าวติด 100 เมนูอาหารยอดแย่ของโลกบนเว็บไซต์ เว็บไซต์ TasteAtlas

นายกรัฐมนตรี กินแกงไตปลามื้อเที่ยง ระหว่างลงพื้นที่เกาะสมุย

นายกรัฐมนตรี กินแกงไตปลามื้อเที่ยง ระหว่างลงพื้นที่เกาะสมุย

ทันทีที่เมนูแกงไตปลา มาเสิร์ฟ นายกรัฐมนตรีได้ชิม โดยบอกว่า “อร่อยมากครับ” พร้อมกับยกนิ้วโป้ง อย่างไรก็ตามก็มีสิทธิที่คนอื่นจะไม่ชอบ เพราะมีอะไรหลายๆ อย่างที่แตกต่างกัน เพราะเขาอาจจะชอบบางอย่าง หรือไม่ชอบบางอย่าง จะไปอะไรเขาก็ไม่ได้ เพราะอาหารไทยมีหลายอย่าง เช่น ต้มยำกุ้ง มัสมั่นไก่

เมื่อถามว่าจะรับประทานแกงไตปลา กับข้าวสวยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเองกำลังลดน้ำหนักอยู่ พร้อมย้ำว่า

อร่อยจริงๆ ไม่ใช่อร่อยเล่นๆ

ตรวจแหลมหินคม-ท่าเรือสำราญมูลค่า 1.2 หมื่นล้าน

จากนั้น นายเศรษฐา ลงพื้นที่เเหลมหินคม ต.ตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ถูกกำหนดให้ก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันอำเภอเกาะสมุยเป็นประเทศอันดับที่ 10 ในเอเชีย ที่มีเรือสำราญเเวะพัก

โดยเฉพาะในเส้นทางผ่านระหว่างสิงคโปร์ เเละฮ่องกง เเต่อ.เกาะสมุย ยังไม่มีท่าเทียบเรือเพื่อรองรับเรือขนาดใหญ่ได้โดยตรง ต้องใช้เรือขนาดเล็กรับถ่ายนักท่องเที่ยวจึงไม่สะดวก ทำให้เรือบางลำไม่ได้เเวะพัก จึงสูญเสียโอกาส เพราะมีเเนวโน้มว่าการท่องเที่ยวโดยเรือสำราญจะเติบโตขึ้น

เนื่องจากนักท่องเที่ยวประหยัดค่าที่พัก เเละประหยัดเวลา จึงเป็นที่มาของการผลักดันโครงการนี้ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างรัฐเเละเอกชน โดยกรมเจ้าท่าตั้งเป้าจะมีรายได้ตลอดโครงการ 30 ปี ประมาณ 46,000 ล้านบาท

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการ Cruise Terminal จะเป็นการสร้างทางเลือกใหม่ของการท่องเที่ยวที่ทำให้เกาะสมุยถูกยกระดับเป็นเกาะที่น่าอยู่ที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลก ท่าเรือน้ำลึกจะดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยเรือสำราญขนาดใหญ่ ซึ่งจะเกิดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวมากขึ้น

จากเดิมที่ชาวต่างชาติใช้จ่ายอยู่ที่หัวละประมาณ 25,000 บาท และคนไทยอยู่ที่หัวละ 15,000 บาท ให้อยู่นานขึ้น และใช้จ่ายมากขึ้น สร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการเกาะสมุยมากกว่านี้

จึงขอให้กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม เดินหน้าทำงานอย่างบูรณาการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ จ.สุราษฎร์ธานี โดยตั้งเป้าให้สามารถนำโครงการดังกล่าวเข้า ครม.ให้ได้ภายในปลายปีนี้

ทั้งนี้ หากโครงการนี้สำเร็จจะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ 180,000 คนต่อปี รองรับเรือ cruise ได้ 120 เที่ยวเรือต่อปี รายได้ที่เกิดจากโครงการคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า 8,504 ล้านบาท ยังไม่รวมการจับจ่ายใช้สอยอื่นๆ ในเกาะของนักท่องเที่ยว

ซึ่งรัฐบาลมีแนวทางที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบกลุ่ม คือ เกาะสมุย พะงัน เกาะเต่า ให้เดินทางเชื่อมต่อกันได้ด้วย Seaplane และให้พิจารณารวมไปถึงการโปรโมทเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมท้องถิ่น พร้อมสร้าง duty free ที่ท่าเรือ เพื่อขายสินค้าพื้นถิ่นให้ได้มูลค่าสูงขึ้นด้วย

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่