วันนี้ (10 เม.ย.2567) นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกอัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้ากรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกดำเนินคดีในความผิดมาตรา 112 ว่า อัยการสูงสุด ยังไม่ได้มีความเห็นและคำสั่งทางคดี เนื่องจากพนักงานสอบสวนส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งยังไม่ครบถ้วน
รองโฆษกอัยการสูงสุด กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีนี้ สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา 8 ในฐานะผู้ได้รับผิดชอบจากอัยการสูงสุด ให้เป็นผู้ดำเนินคดีนี้ เนื่องจากเป็นคดีที่มีการกล่าวหานายทักษิณ ว่า กระทำความผิดและขณะกระทำความผิดนั้นเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 อำนาจในการสั่งคดีนี้คืออัยการสูงสุด
ขณะที่อัยการสูงสุด ได้สั่งสอบสวนเพิ่มเติมตามที่นายทักษิณร้องขอความเป็นธรรม รวมทั้งประเด็นที่อัยการสุูงสุดเห็นว่ามีประเด็นที่จะต้องสอบสวนเพิ่มเติมให้สิ้นกระแสความ แล้วให้พนักงานสอบสวนส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมมาก่อนวันที่ 10 เม.ย. เนื่องจากเป็นวันที่อัยการสูงสุดนัดนายทักษิณ มาฟังคำสั่ง
แต่ปรากฏว่า จนถึงวันที่ 9 เม.ย. พนักงานสอบสวนได้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมมาเพียงบางประเด็น ยังไม่ครบถ้วนทุกประเด็น ดังนั้นคดีจึงไม่อาจมีความเห็นและคำสั่งของอัยการสุงสุดได้ จึงจำเป็นต้องเลื่อนฟังคำสั่งในคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 29 พ.ค.2567 เวลา 09.00 น.
ขณะที่วันนี้ (10 เม.ย.) นายทักษิณ ไม่ได้เดินทางมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด โดยมีการมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจ มารับทราบการเลื่อนคดีเพื่อไปฟังคำสั่งตามวันเวลาดังกล่าวแล้ว
ทนายเผย “ทักษิณ” มั่นใจไม่มีเจตนาตามที่ถูกกล่าวหา
ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ กล่าวว่า ได้รับมอบอำนาจจากนายทักษิณ ให้มารับทราบนัดของอัยการสูงสุด ซึ่งนัดครั้งต่อไปเพื่อฟังคำสั่งในวันที่ 29 พ.ค.นี้
ขณะที่เมื่อวานนี้ (9 เม.ย.) ได้ประสานกับอัยการว่าในการนัดครั้งนี้จะมีคำสั่งหรือไม่ เพราะหากมีการสั่งฟ้องก็จะเตรียมหลักประกันไปยื่นที่ศาล แต่หากยังไม่สั่งด้วยเหตุของการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น หรือมีเหตุอื่นใดที่อัยการสูงสุดแจ้งว่ายังไม่พร้อมที่จะสั่งในนัดนี้ ก็จะได้รับแจ้งมา
เมื่อถามถึงการต่อสู้คดี ทนายความของนายทักษิณ ระบุว่า ไม่ขอลงรายละเอียดเพราะเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี เนื่องจากเป็นความลับ ประกอบกับคดีนี้อัยการสูงสุดได้สั่งสอบสวนเพิ่มเติม โดยมีประเด็นและมีรายละเอียดอยู่หลายประการ แต่ส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาก็ให้การเพิ่มเติม หรือหากส่วนไหนเกี่ยวข้องกับพยานคนอื่นหรือพยานคนกลาง ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนกับอัยการที่ได้รับมอบหมาย
หากครั้งหน้ามีการสั่งฟ้อง ก็จะมาตามนัดและไปปรากฏตัวที่ศาล เราก็มีหน้าที่ขอประกันตัวตามอัตราที่ศาลกำหนด แต่ถ้า อสส. หรือรอง อสส.ที่ได้รับมอบหมายมีคำสั่งไม่ฟ้อง ก็ถือว่าคดีนั้นเสร็จสิ้นไป
อย่างไรก็ตามจะขอต่อสู้ตามสิทธิที่มีอยู่ ในเรื่องพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริงประกอบเหตุผล และที่สำคัญคือข้อกฎหมาย 2 เรื่องที่มาจาก 2 ข้อกล่าวหา คือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และมาตรา 112 ก็ต้องต่อสู้ว่าเข้าองค์ประกอบหรือไม่ และต้องมีข้อเท็จจริงที่ค่อนข้างครบถ้วน ซึ่งในเรื่องของคดีความ นายทักษิณมีความมั่นใจว่าไม่ได้มีเจตนาตามที่ถูกกล่าวหา
อ่านข่าวอื่นๆ
แนวรบ “เมียวดี” แตก “เมียนมา” ระอุ “ไทย” สะเทือน