อลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ หวั่นเศรษฐกิจทรุดกระทบปากท้องประชาชน หลังอิหร่านโจมตีอิสราเอล แนะรัฐบาลเร่งวางแผนรับมือ
หลังสถานการณ์สงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางได้ลุกลามขยายตัว เมื่ออิหร่านเปิดฉากโจมตีอิสราเอลด้วยการใช้ขีปนาวุธและโดรนกว่า 200 ลูกยิงถล่มพร้อมกัน เมื่อคืนวันที่ 13 เม.ย. ซึ่งนับเป็นการเปิดฉากโจมตีอิสราเอลโดยตรงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุอิสราเอลถล่มสถานทูตอิหร่านในประเทศซีเรียเมื่อวันที่ 1 เม.ย. และมีกระแสข่าวว่าอิสราเอลจะมีการตอบโต้ครั้งใหญ่เพื่อเอาคืนการโจมตีครั้งนี้
อลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ได้ให้ความเห็นต่อสถานการณ์ดังกล่าวว่า
“รัฐบาลควรเร่งประชุมครม.เศรษฐกิจและพลังงานกำหนดแผนรับมือวิกฤติเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาวโดยด่วน หากสงครามกระจายวงกว้างขึ้น เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบมากขึ้นจากราคาน้ำมันดิบโลกที่เพิ่มขึ้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความผันผวนในตลาดการเงินโลก โดยราคาน้ำมันโลกที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย เงินเฟ้อสูงกดดันการบริโภค การส่งออกลดลงกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) และปากท้องของประชาชน”
ขณะที่ก่อนหน้านี้ มีสถาบันการเงิน SCB วิเคราะห์ว่า กรณีอิหร่านเข้าร่วมสงครามโดยตรง (Direct war) อาจมีการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานการผลิตน้ำมันในภูมิภาคตะวันออกกลางและการปิดช่องแคบฮอร์มุซ จะส่งผลให้ระดับราคาน้ำมันโลกเฉลี่ยในปี 2024 จะเพิ่มขึ้นเป็น 94.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
“ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาน้ำมันในประเทศอย่างเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิ (Net oil importer) โดยนำเข้าน้ำมันดิบราว 1.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 7.8% ต่อ GDP ” อลงกรณ์กล่าวทิ้งท้าย