- วันแรงงาน 2567 การต่อสู้จากคนทำงาน 18 ชม. เหลือ 8 ชม./วัน
- เช็กเงื่อนไข-คุณสมบัติ ครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุ รับเดือนละ 3,000 บาท
วันนี้ (19 เม.ย.2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงการลงนามคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.กลับไปที่ต้นสังกัด หลังให้มาช่วยราชการ ที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับพวกรวมห้าคนออกจากราชการไว้ก่อน โดยระบุว่า 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการตรวจสอบเรื่องนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ก็ได้มาพูดคุยกับตนเพื่อขอให้ส่งตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กลับต้นสังกัด เพื่อจะได้ไปดำเนินการ
อ่านข่าว : เปิดคำสั่งฉบับเต็ม ! “บิ๊กต่าย” สั่ง “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมพวกรวม 5 คน ออกจากราชการ-ตั้ง กก.สอบ
ส่วนเกี่ยวข้องกับผลของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้นหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า คณะกรรมการชุดนี้ยังตรวจสอบอยู่ มีอีกหลายเรื่องที่จะต้องตรวจสอบต่อ ทั้งในส่วนของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่คำสั่งที่ออกมาเมื่อวานนี้เป็นคนละคดีกัน
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบของคณะกรรมการชุดนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไม่อยากไปกดดัน อย่างที่ตนเคยบอกไว้ กระบวนการยุติธรรมไม่มีใครไปก้าวก่ายหรือเร่งรัดอะไร เข้าใจในความสามารถและความเป็นมืออาชีพของคณะกรรมการ ทั้ง 3 คน เพราะเป็นเรื่องที่สังคมจับตาอยู่
อ่านข่าว : สะพัดสั่ง “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการ หลัง “บิ๊กต่าย” พบนายกฯ ที่ทำเนียบ
และเมื่อถามว่าเหตุผลที่ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน เพราะเกรงว่าจะไปแทรกแซงเรื่องคดีและยังมีอิทธิพลอยู่ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเป็นไปตามที่รักษาการผู้บัญชาการแห่งชาติบอก เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมและการตรวจสอบภายในของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีการดำเนินการกันมา
ส่วนความคืบหน้ากรณีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ที่อาจจะถูกนำมาเปรียบเทียบกันกับกรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่าตนเชื่อว่าแต่ละกรณีก็มีความแตกต่างกันไป เรามั่นใจในกระบวนการยุติธรรม ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะให้ความเป็นธรรมกับทุกท่าน
อ่านข่าว : “ใครอยู่ ใครไป”- “ใครใหม่ ใครมา” ว่าที่โฉมหน้าปรับ ครม.นิด 1
พปชร.นัดรับประทานอาหารพรรคร่วม ไม่เกี่ยวปรับ ครม.
นายเศรษฐา ทวีสิน กล่าวถึง การรับประทานอาหารของพรรคร่วมรัฐบาลว่าการรับประทานอาหาร ของพรรคร่วมรัฐบาลครั้งนี้พรรคพลังประชารัฐจะเป็นเจ้าภาพซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่า กำหนดการจะนัดเมื่อไหร่ซึ่งต้องเป็นเจ้าภาพ จะต้องนัดมา
เมื่อถามว่าจะต้องมีการนัดหมายใช่หรือไม่ เพราะขณะนี้มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงจำเป็นจะต้องหารือเรื่องการทำงาน นายเศรษฐา รีบตอบสวนกลับทันทีว่า โอ๊ย อย่าเอามาเกี่ยวข้องกันทั้ง2 เรื่อง ไม่เกี่ยวกันเมื่อวานก็พูดคุยกันดี ไม่ได้มีปัญหาอะไรในพรรคร่วมรัฐบาล ก็เข้าใจว่าครั้งแรกพรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพ
ครั้งที่สองนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งหากดูจากจำนวน สส.ต่อไปก็จะเป็นพรรคพลังพลังประชารัฐ ซึ่งก็ต้องไปถาม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุสรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ
ทั้งนี้นายเศรษฐา ยังกล่าวว่าได้มีการพูดคุยเรื่องการทำงานกับพรรคร่วมตลอดอยู่แล้ว
ส่วนกระแสข่าวการปรับ ครม.ส่งผลต่อแรงกระเพื่อมส่งผลต่อการทำงาน นายเศรษฐา ย้อนถามกลับว่า แรงกระเพื่อมนั้นคืออะไร อย่างที่ตนให้สัมภาษณ์ไปก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก็มีการวิ่งเต้น มีการสอบถามข่าว ตนก็เลยบอกว่าภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือการทำงานต่อไป
ภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือการทำงาน ส่วนจะลดแรงหวั่นไหวได้อย่างไรตนไม่ทราบ
นอกจากนี้นายเศรษฐากล่าวถึงกรณีที่ นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ อยากให้พรรคเพื่อไทยยึดดูกระทรวงเกษตรฯไว้ เนื่องจากยังมีอีกหลายนโยบายต้องเข้าไปดูในพื้นที่ภาคอีสาน ว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเลข 141 กับ 500 ทุกคนก็อยากได้หมด
อ่านข่าวอื่นๆ :
นายกฯ ปัดคุยปรับ ครม. ไม่ปิดทางคุม กห. – ไม่รู้ พท. ทวงเก้าอี้ ปธ.สภา
“ไชยา” ไม่หวั่นปรับ ครม.-ถามกลับ “เพื่อไทย” ตอบโจทย์คนอีสานหรือยัง